หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โรคมะเร็งลำไส้เล็ก...ภัยซึ่งอาจอยู่ใกล้ตัว

ลำไส้เล็ก  (Small intestine) เป็นกล้ามเนื้อที่มีลักษณะเป็นท่อยาวประมาณ 6-10 เมตร เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเชื่อมต่อกับกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่  มีหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหารที่ย่อยแล้ว ไปหล่อเลี้ยงร่ากาย ผนังด้านในของ
ลำไส้เล็กมีลักษณะเป็นลอนตามขวาง  มีตุ่มเล็ก ๆ มากมายยื่นออกมา เรียกว่า “วิลไล” (Villi) เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดซึมสารอาหารที่ย่อยแล้ว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และเป็นแหล่งที่ดูดซึมสารอาหารมากที่สุด


โครงสร้างลำไส้เล็ก แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1.    ลำไส้เล็กตอนต้น (Duodenum) เป็นส่วนที่ต่อจากกระเพาะอาหาร  และสั้นกว่าส่วนอื่น
2.    ลำไส้เล็กส่วนกลาง (Jejunum) อยู่ถัดไปจากลำไส้เล็กตอนต้น  ยาวประมาณ 8-9 ฟุต
3.    ลำไส้เล็กส่วนปลาย (Ileum) หรือส่วนสุดท้าย ตอนปลายจะติดต่อกันเป็นมุมฉากกับลำไส้ใหญ่บริเวณไส้ติ่ง  เป็นส่วนที่ยาวมากที่สุด มีหน้าที่ในการดูดซึมอาหารมากที่สุด และมีการย่อยอาหารมากที่สุด
สาเหตุมะเร็งลำไส้เล็ก
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง  แต่พบอุบัติการณ์ของโรคนี้สูงในกลุ่มคนที่ชอบบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไขมันในปริมาณสูง ดื่มสุรา และมีการอักเสบระคายเคือง หรือมีแผลเรื้อรังบริเวณลำไส้เล็ก รวมถึงผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้เล็ก  มะเร็งลำไส้เล็กเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก โดยมักพบในผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
ชนิดมะเร็งที่พบในลำไส้เล็ก มี 5 ชนิด คือ
1) adenocarcinoma เป็นชนิดที่พบมากที่สุด เริ่มที่เซลล์ในเยื่อบุของลำไส้เล็ก ซึ่งส่วนใหญ่เนื้องอกเกิดขึ้น ในส่วนของลำไส้เล็กที่ใกล้กับกระเพาะอาหาร เนื้องอกจะเจริญเติบโตและอุดกั้นลำไส้
2) sarcoma เป็นกลุ่มของมะเร็งเนื้อเยื้อ ที่พบได้ในกระดูก กระดูกอ่อน ไขมัน กล้ามเนื้อ หลอดเลือด เม็ดเลือด
3) carcinoid tumors เป็นกลุ่มของเนื้องอกมะเร็งที่มีการเจริญเติบโตช้า แต่ก็อาจจะแพร่กระจายไปยังอวัยวะ ส่วนอื่น ๆ ได้
4) gastrointestinal stromal tumor คือเนื้องอกในทางเดินอาหาร
5) lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) จะเริ่มในเซลล์กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้เล็ก    ส่วนใหญ่ของเนื้องอกเหล่า นี้เกิดขึ้นในส่วนของลำไส้เล็กที่ใกล้กับลำไส้ใหญ่

อาการแสดงออกของโรค
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้อง  ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือถ่ายดำ น้ำหนักลด มีไข้ หรือมีภาวะลำไส้อุดตัน  คือจะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง  อาเจียน  อาจคลำได้ก้อนในบริเวณช่องท้อง
การวินิจฉัยโรค
1. ตรวจอุจจาระ ในระยะเริ่มแรกไม่ค่อยมีอาการ ทำให้ยากที่จะตรวจพบ ในบุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยงจึงควรตรวจเช็คเสียแต่เนิ่น ๆ  ควรตรวจเลือดซ่อนเร้นใน    อุจาระ (Stool occult blood)  ส่วนในผู้ป่วยที่มีอาการ อาจเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจง เช่น เบื่ออาหาร ผอมลง อ่อนเพลีย ต้องเริ่มวิเคราะห์จากอาการที่เป็น ในบางอาการอาจพอที่จะระบุได้ว่าเป็นอวัยวะใด แต่มักไม่จำเพาะว่าต้องเป็นมะเร็ง จำเป็นต้องทำการตรวจวิเคราะห์เพิ่มเติม
2. การส่องกล้อง เพื่อส่องดูระบบทางเดินอาหารบริเวณลำไส้เล็กส่วนบน และมีการนำระบบอุลตร้าซาวด์มาใช้กับกล้องได้ด้วย ได้แก่
·   การส่องกล้องดูหลอดอาหาร  กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนบน(Esophagastroduodenoscopy)
·   การส่องกล้องดูลำไส้เล็ก ( Enteroscopy)
·   การใช้ระบบอัลตราซาวด์กับการส่องกล้อง (Endoscopic Ultrasonography)
3. การตรวจสารบ่งชี้มะเร็งลำไส้ (carcinoembryonic antigen, CEA) มี ประโยชน์ในการติดตามผู้ป่วยมะเร็งลำไส้หลังรักษา ว่ามีการตอบสนองหรือเกิดซ้ำหรือไม่  แต่ไม่ควรใช้ในการเฝ้าระวังหรือตรวจหาในคนทั่วไป  เพราะไม่มีความไวหรือความจำเพาะเจาะจงเพียงพอ กล่าวคือ สารนี้ปกติหรือขึ้นสูงได้ในคนปกติ และสารนี้อาจปกติได้ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้
4. การวินิจฉัยโรคทางเดินอาหารด้วยการกลืนแคปซูล (Capsule Endoscopy) ขั้นตอนการวินิจฉัยเริ่มจากการให้คนไข้กลืนแคปซูลพร้อมน้ำโดยไม่ต้องเคี้ยว หลังจากนั้นแคปซูลจะเดินทางไปตามส่วนต่าง ๆ ของระบบทางเดินอาหาร  โดยเริ่มจากปากไปยังหลอดอาหาร  กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กตอนต้น ลำไส้เล็กตอนกลาง ลำไส้เล็กตอนปลาย ช่วงลิ้นเชื่อมต่อก่อนถึงลำไส้ใหญ่กระพุ้งแรกของลำไส้ใหญ่ และลำไส้ใหญ่ จนถูกถ่ายออกมากับอุจจาระ แคปซูลจะบันทึกภาพภายในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งแพทย์จะนำมาวิเคราะห์ต่อไป
การตรวจวินิจฉัยด้วยการแคปซูลสามารถ รายงานผลและประมวลแสดงผลได้อย่างละเอียด ถูกต้อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน  ขั้นตอนการวินิจฉัยง่าย สะดวก และปลอดภัยต่อผู้ป่วย ที่สำคัญแพทย์สามารถนำผลการตรวจวินิจฉัย ไปใช้ประกอบเป็นแนวทางในการบำบัดรักษาได้อย่างมีประสิทธิผลดียิ่ง
วิธีการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
ในระยะแรกของโรคจะใช้การผ่าตัด  แต่หากไม่สามารถเอารอยโรคออกได้หมดจะใช้การฉายรังสี และการให้เคมีบำบัดร่วมด้วย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการรักษา
การทำการผ่าตัดรักษา อาจต้องตัดลำไส้ออกจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะของโรค ถ้าเป็นการผ่าตัดส่วนของลำไส้เล็กส่วนปลายจะเรียกว่า ileostomy ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคการผ่าตัดที่สำคัญของศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร โดยเป็นการตัดต่อลำไส้และการผ่าตัดยกลำไส้มาเปิดที่ผนังหน้าท้อง
ระหว่างการผ่าตัดลำไส้เล็ก ศัลยแพทย์อาจต้องทำการตัดต่อลำไส้และนำลำไส้ส่วนปลายเปิดไว้ที่ผนังหน้าท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดการอุดตันของลำไส้ส่วนปลาย หรือเกิดการอักเสบเน่าตายของผนังลำไส้ที่รุนแรงและกินบริเวณกว้าง  
-----------------------
 http://www.cancer.gov/cancertopics/pdq/treatment/smallintestine/Patient/page1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรุณากรอกชื่อ หรือนามแฝง หรืออีเมลล์ด้วยค่ะ