วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

โปรโมชั่นน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์

โปรโมชั่นเด็ดๆ
ยกโหลถูกกว่า..3กระปุก 2,000 บาท

 

KAMIL HABBATUSSAUDA
#น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ #น้ำมันเทียนดำ หรือ
#Black_Seed_Oil #Black_Cumin_Oil
คือ น้ำมันชนิดเดียวกัน..สกัดมาจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือที่แพทย์แผนไทยเรียกว่า "เทียนดำ"

สรรพคุณในการใช้ ❤ หรือคุณประโยชน์ของมันเหมือนกัน แต่ทว่าประสทธิภาพในการใช้ หรือการออกฤทธิ์ของ product ในแต่ละฐานการผลิตแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการสกัดว่า #สามารถสกัดออกมาเป็นน้ำมันหอมระเหยได้_มากน้อยเพียงใด?

ทั้งนี้ เพราะสารสำคัญในการออกฤทธิ์ที่ทำให้น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed Oil) มีฤทธิ์ในการบำบัดรักษาได้กว้างขวาง จนอาจกว่าได้ว่า "สามารถบำบัดได้ทุกโรค" คือ #สารธัยโมควิโนน ( Thymoquinone ) ที่อยู่ในส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยนั่นเอง

#Thymoquinone มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ, ต้านการอักเสบและการติดเชื้อ, ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคต่าง ๆ รวมทั้งปรสิต (พยาธิ), ฆ่าเซลล์มะเร็ง, ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก เป็นต้น

KAMIL HABBATUSSAUDA
ขนาดบรรจุ : 70 แคปซูล
ขนาดรับประทาน : เบื้องต้นแนะนำให้ทานมื้อละ 2 แคปซูล วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร (และสามารถเพิ่มลดโดซได้ตามสภาพสุขภาพร่างกายและวัยของแต่ละคนค่ะ)

โปรชั่นวันนี้ (ถึงวันที่ 25 พ.ค.61)
ราคาโปรพร้อมจัดส่ง EMS 👍👍👍
3 กระปุก 2,000฿
12 กระปุก 7,500฿ 

สนใจติดต่อ : ฮัฟเซาะห์ (จิ๋ม) โทร 081-4465461

วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือน้ำมันเทียนดำ คืออะไร?

น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed Oil) เป็นน้ำมันที่สกัดมาจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์  คำว่า “ฮับบาตุซเซาดะฮ์” ความจริงแล้วเป็นชื่อเรียกในภาษาอาหรับ  ดังนั้น ชาวไทยมุสลิมจึงนิยมเรียกสมุนไพรตัวนี้ทับศัพท์ตามภาษาอาหรับนั่นเอง 
ฮับบาตุซเซาดะฮ์ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Nigella sativa
ส่วนชื่อสามัญที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในภาษาอังกฤษ คือ Black Seed หรือ Black Cumin
นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกตามภูมิภาคหรือท้องถิ่น  เช่น อินเดีย ปากีสถาน  : “Kalonji” อินโดนีเซีย  : “Jintan Hitam”
ประเทศไทย เรียกฮับบาตุซเซาดะฮ์ ว่า ยี่หร่าดำ หรือ เทียนดำ
ตามตำราแพทย์แผนไทย หรือเภสัชกรรมไทย ได้อธิบายถึงคุณลักษณะภายนอกของของเทียนดำ (ฮับบาตุซเซาดะฮ์) เครื่องยาตัวนี้ไว้ดังนี้ : มีเมล็ดรูปสามเหลี่ยมถึงห้าเหลี่ยม ผิวภายนอกสีดำ เนื้อในสีขาว  เมล็ดที่แก่แห้งจะมีสีดำสนิท  มีกลิ่นเล็กน้อย หากใช้มือถูที่เมล็ดหรือนำเมล็ดไปบด จะได้กลิ่นหอมฉุน  และมีรสชาติขม เผ็ด ร้อน คล้ายเครื่องเทศ

สรรพคุณของเทียนดำ (ฮับบาตุซเซาดะฮ์)
ตำรายาไทย : ขับเสมหะให้ลงสู่คูทวาร ขับลมในลำไส้ ช่วยย่อย แก้ท้องอืด เฟ้อ แก้อาเจียน บำรุงโลหิต  ขับน้ำนม ขับปัสสาวะ ขับระดู บีบมดลูก แก้โรคลม ขับพยาธิ
ตำรายาไทยแผนโบราณ : มีการใช้เมล็ดเทียนดำ ใน “พิกัดตรีรัตตะกุลา (ตรีสัตกุลา)คือ การจำกัดตัวยาอันสามารถ 3 อย่าง ได้แก่ เหง้าขิงสด, ผลผักชีลา และเทียนดำ โดยใช้อย่างละเท่า ๆ กัน ในการบำรุงธาตุไฟ ขับลมในลำไส้ แก้อาการธาตุ
นอกจากนี้ บัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม  ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ปรากฏว่า มีการใช้เมล็ดเทียนดำ ในยารักษาอาการโรคในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย รวม 5 ตำรับ ดังนี้
1.      ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับยาหอมเทพจิตรและตำรับ ยาหอมนวโกฐมีส่วนประกอบของเทียนดำ อยู่ในพิกัดเทียนทั้ง 9 ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง
2.      ยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ปรากฏตำรับ ยาธาตุบรรจบมีส่วนประกอบของเทียนดำ ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการอุจจาระธาตุพิการ ท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ และตำรับ ยาประสะกานพลูมีส่วนประกอบของเทียนดำ และเทียนขาว ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย เนื่องจากธาตุไม่ปกติ
3.      ยารักษากลุ่มอาการทางสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ปรากฏตำรับ ยาประสะไพลมีส่วนประกอบของเทียนดำ ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับ ใช้ในสตรีที่ระดูมาไม่สม่ำเสมอ หรือมาน้อยกว่าปกติ

นอกจากนี้ ยังมีการนำมาใช้ในเครื่องยาไทย ที่เรียกว่า พิกัดเทียน  โดยเทียนดำถูกนำมาจัดอยู่ใน พิกัดเทียนทั้ง 5ได้แก่ เทียนดำ เทียนแดง เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก และเทียนตาตั๊กแตน
พิกัดเทียนทั้ง 7” (มีเทียนเยาวพาณี และเทียนสัตตบุษย์ เพิ่มเข้ามา)
พิกัดเทียนทั้ง 9” (มีเทียนตากบ และเทียนเกล็ดหอย เพิ่มเข้ามา)
สรรพคุณโดยรวมของยาที่ใช้ในพิกัดเทียน คือ ช่วยขับลม แก้อาเจียน บำรุงโลหิต และใช้ในตำรับยาหอม
รูปแบบและวิธีการใช้เทียนดำตามตำรับยาไทย : มักจะใช้เป็นยาผง หรือสามารถใช้เมล็ด 1 ช้อนชา ชงน้ำร้อนดื่มเป็นชา
องค์ประกอบทางเคมีของเทียนดำ :
           น้ำมันระเหยยาก (fixed oil) เช่น linoleic acid, oleic acid, palmitic acid ประมาณ 30%
           น้ำมันระเหยง่าย (volatile oil) ประมาณ 0.5-1.5% โดยมีองค์ประกอบหลักของน้ำมันระเหยง่ายเป็นอนุพันธ์ของควิโนน คือ thymoquinone คิดเป็น 54% ของน้ำมันระเหยง่ายที่พบทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบ p-cymene, dithymoquinone, thymohydroquinone, thymol, trans-anethole,  limonene, carvone, carvacrol, 4-terpineol
           สารอัลคาลอยด์ เช่น nigellidine, nigellimine, nigellicine   
           สารซาโปนิน  เช่น  alpha-hederin
**เจ้าองค์ประกอบทางเคมีเหล่านี้แหละ ที่ให้สรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคมากมาย ซึ่งมีผลงานวิจัยยืนยันมากมายหลายร้อยผลงาน และหลากหลายประเทศ ใครที่ติดตามอ่านบทความในเว็บบล็อกแห่งนี้คงทราบเป็นอย่างดีถึงสรรพคุณอันน่ามหัศจรรย์ของน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ J
การศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า มีการใช้น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือน้ำมันเทียนดำ เพื่อรักษาโรคในกลุ่มอาการในระบบทางดินหายใจ, ระบบหัวใจและหลอดเลือด, ระบบทางเดินอาหาร  นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านจุลชีพ, ฆ่าพยาธิ, ต้านเชื้อไวรัส, ต้านการอักเสบ, ต้านมะเร็ง, ยับยั้งปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (ต้านอนุมูลอิสระ), ออกฤทธิ์ปกป้องตับ และไต, ยับยั้งอาการปวด, ยับยั้งการอักเสบ, ยับยั้งแบคทีเรียที่ก่อโรคจากอาหารเป็นพิษ และแผลติดเชื้อ
[ ขอขอบคุณข้อมูลเรื่อง “เทียนดำ” จาก Thaicrudedrug.com ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ]

ข้อสังเกต :
1-      ฮับบาตุซเซาดะฮ์ ถ้ารับประทานเป็นยาไทยที่ปรุงเป็นตำรับต่าง ๆ เพื่อรักษาโรคในกลุ่มอาการต่าง ๆ นั้น เรามักจะกินแก้อาการเหล่านั้น เฉพาะเวลาที่เกิดอาการ และตามขนาดที่เภสัชกรไทยได้กำหนดไว้ ไม่ได้นำมากินต่อเนื่องเป็นประจำ เนื่องจากในตำรับยาไทย จะไม่ใช้สมุนไพรตัวเดียวเดี่ยวเพื่อบำบัดรักษาโรค แต่จะใช้สมุนไพรหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ต่างกัน และช่วยเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกันในการรักษากลุ่มอาการที่ต้องการ  ดังนั้น จึงไม่สามารถรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน
2-      การรับประทานเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือเทียนดำ เป็นอาหารอาจแยกได้ 2 กรณี คือ
(1)    ใช้ใส่เป็นเครื่องปรุงรส เช่นเดียวกับเครื่องเทศสมุนไพรทั่วไป เช่นเครื่องแกงต่าง ๆ ที่เป็นอาหารในแถบตะวันออกกลาง หรือใส่ขนมหวาน ขนมปัง เพื่อตัดความเลี่ยนและความหวานของขนม  ในกรณีนี้เราสามารถรับประทานได้บ่อยครั้ง เนื่องจากปริมาณที่ใส่อาหารแต่ละชนิดนั้น เล็กน้อยมาก จนไม่อาจทำให้เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียงใด ๆ

(2)    “น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ / น้ำมันเทียนดำ” รับประทานในรูปและการทานวิตามินของอาหารเสริมสุขภาพ ปริมาณที่ผู้ผลิตแต่ละรายกำหนดให้ทานนั้น คือ ครั้งละ 1 ช้อนชา หรือช้อนโต๊ะ หรือหากบรรจุแคปซูล 500 มก. ครั้งละ 2-3 แคปซูล ถือว่าเป็นปริมาณที่น้อย ไม่ส่งผลกระทบหรือผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใด ๆ (ยกเว้น : ผู้ที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ไม่ควรทานเพราะจะบีบมดลูก อาจทำให้แท้งได้  แต่ทว่าหญิงท้องแก่ใกล้คลอด หากรับประทานจะช่วยให้คลอดลูกได้ง่ายขึ้น)  อย่างไรก็ดี ปริมาณการใช้ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสุขภาพและโรคประจำตัวของแต่ละคน และวัยแต่แตกต่างกัน เช่น ในเด็กเล็ก ๆ หรือคนชรา หรือผู้ป่วยเรื้อรังที่มีอาการหนัก จึงเริ่มในปริมาณที่เล็กน้อยถึงระดับปานกลางก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับเพิ่มขนาดรับประทานจนรู้สึกว่า เป็นขนาดที่เหมาะสมกับร่างกายและโรคของตนเอง รู้สึกสดชื่นแข็งแรงและสบายตัวค่ะ

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

10 อันดับแรก จากคุณประโยชน์ของเมล็ดเทียนดำ (ฮับบาตุซเซาดะฮ์)

เมล็ดเทียนดำ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า Nigella sativa นั้น เป็นเครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหาร ที่ส่วนใหญ่พบได้บ่อยในอาหารอินเดียและตะวันออกกลาง  มันถูกเรียกหลายชื่อ เช่น Onion Seeds, Fennel Flower seeds, Black caraway, Roman corieander หรือ Kalonji

มันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีกลิ่นฉุน รสชาติขมและเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมคล้าย ๆ ออริกาโน  เมล็ดของมันถูกนำมาคั่วแห้งเพื่อใช้เพิ่มรสชาติให้กับอาหารประเภทแกง และอาหารประเภทผัดผัก

ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ผู้คนได้ใช้เมล็ดเทียนดำและน้ำมันสกัดจากเมล็ดเทียนดำ หรือน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ  ซึ่งมันแทบไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด และยังให้คุณสมบัติในการบำบัดรักษาที่กว้างขวาง

คุณประโยชน์สูงสุดที่มีผลดีต่อสุขภาพนั้น เป็นผลมาจากสารพฤกษเคมี หลัก 3 ตัว คือ Thymoquinone (TQ), Thymohydroquinone (THQ) และ Thymol – ที่อยู่ในเมล็ดเทียนดำ  และนอกจากนี้ยังมีสารอาหารต่าง ๆ เช่น แคลเซียม, เส้นใยอาหาร (fiber), โพแทสเซียม, โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ (healthy fat)

เมล็ดเทียนดำยังสามารถใช้เป็น ยาแก้ปวด, ยาฆ่าเชื้อรา (antifungal),  ยาแก้ปวดท้อง (antispasmodic), สารต้านอนุมูลอิสระ  (antioxidant),  ต้านเชื้อแบคทีเรีย  (antibacterial), ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory),   ขับลมในกระเพาะอาหาร, รักษาแผลในกระเพาะอาหาร, ลดความดันโลหิต และมีคุณสมบัติเป็น Anticholinergic*


[*นพ.มานิตย์วัชร์ชัยนันท์ : Anticholinergics  เป็นกลุ่มยา ที่ออกฤทธิ์บล็อกการทำงานของสารสื่อประสาท (neurotransmitter acetylcholine) ในสมอง ซึ่งถูกนำไปใช้รักษาโรคต่าง ๆ หลายอย่าง เป็นต้นว่า โรคหืด (asthma), โรคการควบคุมปัสสาวะล้มเหลว  (incontinence), กระเพาะลำไส้ปั้น (GI Crmaps), กล้ามเนื้อป้้น  หรือตระคิว  (muscular spasms)  นอกจากนี้ Anticholinergics ยังถูกนำไปใช้รักษาภาวะซึมเศร้า (depression)  และรักษาความผิดปกติในเรื่องการนอนหลับ (sleep disorders)  ยังทำหน้าที่รักษาความสมดุลในการผลิตสารสื่อประสาท Dopamine และ acetylcholine ภายในร่างกาย ]


10 อันดับแรกจากคุณประโยชน์ของเมล็ดเทียนดำที่มีผลดีต่อสุขภาพ

1. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
เมล็ดเทียนดำมีฤทธิ์ทำให้ความดันโลหิตลดลง จึงช่วยรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง  ผลการศึกษาวิจัยเมื่อปี 2008 ในวารสาร Fundamental & Clinical Pharmacology Journal  การใช้สารสกัดจากเมล็ดเทียนดำเป็นประจำ ภายในเวลา 2 เดือน มีผลช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงที่ไม่รุนแรง  นอกจากนี้ มันยังช่วยลดระดับไขมัน LDL และส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่หัวใจ

เมื่อมีอาการความดันโลหิตสูง ให้รับประทานเมล็ดเทียนดำ 100-200 มก. วันละสองครั้ง

2. การควบคุมเบาหวาน ชนิดที่ 2
นักวิจัยได้ศึกษาประสิทธิผลของเมล็ดเทียนดำ ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2  อ้างอิงการศึกษาเมื่อปี 2010 ตีพิมพ์ในวารสาร Indian Journal of Physiology and Pharmacology  การรับประทานเมล็ดเทียนดำ เป็นประจำวันละ 2 กรัม อาจจะเป็นวิธีที่เป็นประโยชน์ในการจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2

โดยทั่วไปการบริโภคของเมล็ดเทียนดำ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และความต้านทานต่ออินซูลิน เช่นเดียวกับการเพิ่มฟังก์ชั่นเบต้าเซลล์ในตับอ่อน  มันจึงมีประโยชน์ในการป้องกันโรคเบาหวาน

3. ส่งเสริมสุขภาพตับ
น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือน้ำมันเทียนดำ สามารถส่งเสริมสุขภาพของตับ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2013 European Review for Medical and Pharmacological Sciences  น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์แสดงให้เห็นว่า มันสามารถปรับปรุงโครงสร้างของตับและไต

การศึกษาพบว่า น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ช่วยเพิ่มกลไกการป้องกันภาวะไตเสื่อมเฉียบพลันอันมีสาเหตุมาจากตับแข็งหรือตับวาย ช่วยลดอาการโรคแทรกซ้อนและทำให้พัฒนาการของโรคมีความล่าช้าออกไป  ดังนั้น เพื่อปรับปรุงการทำงานของตับและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับตับหรือจากการป่วยเป็นโรคตับ จึงควรรับประทานเมล็ดเทียนดำเป็นอาหารประจำวัน

4. กระตุ้นความจำ (Boosts Memmory)
เมล็ดเทียนดำสามารถสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่สมองของคุณ  เนื่องจาก มันมีสารต้านอนุมูลอิสระ, ต้านการอักเสบ และปกป้องเซลล์ประสาท  เมล็ดเทียนดำสามารถปรับปรุงความจำของคุณ

การศึกษาทางคลินิก เมื่อปี 2013 ตีพิมพ์ในวารสารเภสัชศาสตร์วิทยา The Journal of Ethnopharmacology  พบว่า คนที่รับประทานเมล็ดเทียนดำบดชนิดผง ขนาด 500 มิลลิกรัม/แคปซูล มีผลช่วยพัฒนาความรู้ความเข้าใจ, หน่วยความจำ และความสมาธิ ให้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานยาหลอก

วิธีรับประทาน : ทานเมล็ดเทียนดำผง  ครั้งละ ½ ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง หรือในปริมาณที่แพทย์แนะนำ

5. รักษาโรคหอบหืด
น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์มีฤทธิ์ต้านทานอาการหอบหืด (anti-asthmatic) ช่วยระบบทางเดินหายใจ ในโรคหืด  จากการศึกษาเมื่อปี 2010 ตีพิมพ์ในวารสารทางพฤกษเวชศาสตร์ (phytomedicine) พบว่า คุณสมบัติในการป้องกันโรคหอบหืดของเมล็ดเทียนดำ จะช่วยลดความรุนแรงของอาการหอบหืด และช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวจากอาการหอบได้เร็วขึ้น  สารสกัด Thymoquinone ที่อยู่ในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ จะช่วยลดอาการอักเสบของทางเดินหายใจ และยับยั้งการหลั่งเยื่อเมือกจากอาการแพ้หรือเสมหะ  

นอกจากนี้ น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการเจ็บคอ, โรคไซนัสอักเสบเฉียบพลัน และต่อมทอนซิลอักเสบ อีกด้วย

วิธีการใช้ : หยดน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ เพียงไม่กี่หยดลงหม้อน้ำร้อน แล้วคลุมศีรษะด้วยผ้าขนหนูบนหม้อน้ำร้อน เพื่อสูดดมไอระเหยของมัน เป็นเวลา 5 นาที ทำซ้ำตามความจำเป็น หรืออาจจะหยดน้ำมันไม่กี่หยดบนผ้าเช็ดหน้าของคุณ แล้วสูดดมกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยของมันในเวลาที่ต้องการ

6. ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
เมล็ดเทียนดำมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด รวมทั้งมะเร็งเต้านม, มะเร็งสมอง, มะเร็งช่องปาก, มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่

การศึกษาเมื่อปี 2012 ตีพิมพ์ในวารสารทางชีวเคมี และเภสัชวิทยา พบว่า Thymoquinone ในเมล็ดเทียนดำมีศักยภาพในการรักษาความผิดปกติจากการอักเสบ และโรคมะเร็ง  องค์ประกอบของมันทำหน้าที่เป็นตัวดักจับอนุมูลอิสระ

7. รักษาโรคอุจจาระร่วง
เมล็ดเทียนดำใช้ได้ผลดีในการรักษาปัญหากระเพาะอาหาร เช่น ท้องเสีย มีก๊าซ จุกเสียด และท้องผูก จากการศึกษาเมื่อปี 2012 ตีพิมพ์ในวารสาร PLoS One journal สารสกัดจากเมล็ดเทียนดำช่วยบรรเทาอาการแพ้จากโรคอุจจาระร่วงในหนูทดลอง

8. รักษาโรคแพ้ผื่นคันผิวหนังอักเสบ (Eczema)
9. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
10. ลดการหลุดร่วงของเส้นผม



*************
Credit : Health Expert @Youtube [Thank you very much]

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ฮับบาตุซเซาดะฮ์ แบบผง หรือแบบน้ำมันสกัด อันไหนให้ประโยชน์สูงกว่า

วันนี้ขอกลับมารีวิว (review) เรื่องนี้อีกสักครั้ง  เนื่องจาก หลาย ๆ คนพอได้ทราบข้อมูลความรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์อันมหาศาลของฮับบาตุซเซาดะฮ์  (Black Seed / Black Cumin) หรือที่แพทย์แผนไทยเรียกว่า “เทียนดำ” นั้น ก็เริ่มอยากที่จะหาซื้อมารับประทาน  แต่ทว่ามันมีทั้งแบบชนิดที่เป็นผง (บรรจุแคปซูล) และน้ำมันสกัด (แคปซูล)  แล้วแบบไหนล่ะ ถึงจะให้ประโยชน์แก่เรามากกว่ากัน??

คำตอบ :
     1.      แบบผง : ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ไม่ได้เต็มที่ เพราะต้องผ่านขบวนการย่อยในกระเพาะอาหาร ซึ่งการย่อยและการดูดซึมเป็นไปได้ยากกว่าแบบน้ำมันสกัด ประโยชน์ส่วนที่เหลือ ก็คือ ได้เป็นกากใย (fiber) ของอาหาร (ซึ่งมันก็เหมือนเราทานหรือเคี้ยวเมล็ดงาดำนั่นเอง) อีกทั้งตัวผงของเมล็ดพันธุ์ ก็ยังไม่สามารถดึงสารอาหารสำคัญ ๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายในฮับบาตุซเซาดะฮ์ออกมาใช้  แต่ทั้งนี้ ตามตำรายาแผนโบราณ อาจมีสูตรหรือการเข้ายาเพื่อการบำบัดรักษาบางโรค ซึ่งสามารถให้ผลในการบำบัดรักษาได้ในระดับหนึ่ง  เช่น นำผงของเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือเทียนดำ ไปผสมกับน้ำผึ้ง เพื่อช่วยเสริมฤทธิ์กัน  ซึ่งเรื่องนี้ตามตำราแพทย์อายุรเวท (อินเดีย) ถือว่า น้ำผึ้งเป็นสื่อนำในพาสารอาหารต่าง ๆ เข้าในส่วนเล็กที่เล็กที่สุดของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ในร่างกายนั่นเอง

     2.      แบบน้ำมันสกัด : สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย หากคุณรับประทานตอนท้องว่าง (ไม่ปะปนกับอาหารที่รับประทานในมื้อนั้น ๆ) ก็จะดูดซึมไปใช้ได้ทันที  ทั้งนี้ สารอาหารสำคัญ ๆ หลากหลายชนิดที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย จะอยู่ในน้ำมันหอมระเหยของฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ Black Seed Oil แทบทั้งสิ้น  จึงจำเป็นต้องสกัดเป็นน้ำมันออกมา ถึงขั้นที่ได้น้ำมันหอมระเหยของมัน เพื่อดึงสารอาหารต่าง ๆ ออกมาใช้ประโยชน์  และวิธีการสกัดที่ดีที่สุด ก็คือ วิธีการสกัดเย็น (Cold Pressed)  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะดึงองค์ประกอบของสารอาหารที่อยู่ในมัน ออกมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ หรือไม่เพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการสกัดน้ำมันของแต่ละแหล่งผลิต แม้จะสกัดด้วยวิธี Cold Pressed เหมือนกันแต่มีส่วนประกอบหรือกรรมผลิตในรายละเอียดทีแตกต่างกัน เช่น เครื่องจักร เครื่องมือเครื่องใช้ การควบคุมอุณหภูมิในการผลิต หรือแม้แต่ความสดใหม่ของวัตถุดิบ (เมล็ดพันธุ์) และสายพันธุ์ของตัวเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ ที่มาจากแต่ละแหล่งกำเนิด ก็ให้คุณสมบัติที่ดีเด่นไม่เท่ากัน  (เราลองนึกเปรียบเทียบดู มันก็เหมือนเราเลือกซื้อผลไม้ เช่น องุ่น แอปเปิ้ล หรือสตอเบอรี่ นั่นเอง) 

องค์ประกอบของสารอาหารสำคัญ
ในน้ำมันหอมระเหยของฮับบาตุซเซาดะฮ์มีมากมาย ได้แก่  thymoquinone, thymohydroquinone, dithymoquinone, thymol, carvacrol, nigellimine, สารอัลคารอยด์ (เช่น nigellicine, nigellidine)  และสารซาโปนิน (alphahederin)  แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ธัยโมควิโนน (Thymoquinone) ที่เป็นนางเอกหรือหัวใจของมัน

จากการศึกษาพบว่า  N. sativa (ฮับบาตุซเซาดะฮ์) และองค์ประกอบของสารอาหารในนั้น  ให้ฤทธิ์ในทางเภสัชวิทยาอย่างกว้างขวาง เช่น  เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน (immune-stimulatory), ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory), ลดระดับน้ำตาลในเลือด (hypoglycemic), ลดความดันโลหิต (antihypertensive), รักษาโรคหอบหืด (antiasthmatic), เป็นยาต้านจุลชีพ  (antimicrobial) ทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา หรือปรสิตขนาดเล็ก, ยาต้านปรสิตหรือขับถ่ายพยาธิ (antiparasitic), ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) และต้านมะเร็ง (anticancer effects)---[ ที่มา : reviewed in Randhawa and Alghamdi, 2002, Randhawa and Alghamdi, 2011, Ali and Blunden, 2003, Salem, 2005, Padhye et al., 2008 and Randhawa, 2008 ]

การศึกษาทางเภสัชวิทยา : [จากฐานข้อมูล เครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี] พบว่า ฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือเมล็ดเทียนดำให้ผลในการบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ ดังนี้
(1)   ระบบทางเดินหายใจ : น้ำมันจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ในขนาด 4-32 ไมโครลิตร/กก. เพิ่มแรงดันภายในหลอดลม สาร nigellone ป้องกันภาวะหลอดลมตีบที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสารฮีสตามีนในหนู ลดการหดเกร็งของหลอดลม
(2)   ระบบหัวใจ และหลอดเลือด : น้ำมันจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ในขนาด 4-32 ไมโครลิตร/กก. หรือสาร thymoquinone ในขนาด 0.2-1.6 มก/กก. ลดอัตราการเต้นของหัวใจ และลดความดันโลหิต สารสกัดไดคลอโรมีเทนเมื่อให้หนูที่เป็นความดันกินในขนาด 0.6 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน เป็นเวลา 15 วัน เมื่อวัดความดันโลหิตเปรียบเทียบกับยามาตรฐาน nifedipine พบว่าสารสกัดลดความดันได้ 22% ในขณะที่ nifedipine ลดความดันได้ 18%  และยังทำให้การขับปัสสาวะเพิ่มขึ้น และเพิ่มการขับโซเดียม คลอไรด์ โปแตสเซียมอิออน และยูเรียทางปัสสาวะ สารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์จากเมล็ด ยับยั้ง fibrinolytic activity ทำให้ระยะเวลาที่เลือดไหลลดลงในกระต่าย
(3)   ระบบทางเดินอาหาร : น้ำมันจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เมื่อให้หนูโดยการกิน พบว่า เพิ่มการหลั่งเยื่อเมือกที่กระเพาะอาหาร และลดการหลั่งสารฮีสตามีนที่ผนังกระเพาะอาหาร และสามารถป้องกันแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากเอทานอลได้ 53.56%
(4)   ฤทธิ์ต้านจุลชีพ : สารสกัดไดเอทิลอีเทอร์จากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียกรัมบวก Staphylococcus aureus, เชื้อแบคทีเรียกรัมลบ Pseudomonas aeruginosa, Escherichia coli, เชื้อยีสต์ Candida albican  นอกจากนี้สารสกัดน้ำจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ ยังสามารถยับยั้งแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะหลายชนิ
(5)   ฤทธิ์ต่อพยาธิ : ในเด็กที่ติดเชื้อพยาธิเมื่อให้สารสกัดเอทานอลจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ โดยการรับประทานในขนาด 40 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สามารถลดจำนวนไข่พยาธิในอุจจาระ  การให้น้ำมันจากเมล็ดแก่หนูที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ Schistosoma mansoni เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ พบว่า สามารถลดจำนวนพยาธิที่ตับ และลดจำนวนไข่พยาธิในตับ และลำไส้ได้
(6)   ฤทธิ์ต้านไวรัส : การให้น้ำมันจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ โดยการฉีดเข้าทางช่องท้องของหนู พบว่า สามารถยับยั้งเชื้อเฮอร์ปีส์ ที่ตับ และม้าม ได้ในวันที่ 3 ของการติดเชื้อ โดยในวันที่ 10 ไม่พบเชื้อ และสามารถเพิ่มระดับ interferon gamma เพิ่มจำนวน CD4 helper T cell  ลดจำนวน macrophage ได้
(7)   ฤทธิ์ต้านการอักเสบ : สาร thymoquinone และน้ำมันจากเมล็ด ยับยั้งการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบหลายชนิด เช่น thromboxane B2, leucotrein B4, cyclooxygenase, lipoxygenase เป็นต้น, สาร nigellone ยับยั้งการปลดปล่อยฮีสตามีน จากช่องท้องหนู
(8)   ฤทธิ์ต้านมะเร็ง : สาร thymoquinone และ dithymoquinone มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว ตับอ่อน มดลูก เต้านม รังไข่ และลำไส้ได้ ในหลอดทดลอง สารสกัดเอทิลอะซีเตต ยับยั้งมะเร็งเม็ดเลือดขาวในหนูได้  สารซาโปนิน alpha-hederin ยับยั้งการเกิดเนื้องอกในหนูได้ 60-70%
(9)   ฤทธิ์ยับยั้งปฏิกิริยาออกซิเดชัน : สาร thymoquinone  มีฤทธิ์ยับยั้งปฏิกิริยา lipid peroxidation สาร trans-anethole, carvacrol, 4-terpineol ออกฤทธิ์ดีในการจับ superoxide anion
(10) ฤทธิ์ปกป้องตับ และไต : สาร thymoquinone ป้องกันตับจากสารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์  และยับยั้งการเกิด lipid peroxidation  และป้องกันไตจากภาวะเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) โดยการจับกับ superoxide และยับยั้งการเกิด lipid peroxidation
(11) ฤทธิ์ยับยั้งอาการปวด : สารสกัดน้ำจากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ ลดปวดในหนูที่ทดสอบด้วยวิธี hot plate แต่ไม่มีฤทธิ์ลดไข้
สรุป : เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว แต่ละคนคงจะให้คำตอบกับข้อสงสัยของตัวเองว่า “จะเลือกซื้อน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ แบบไหนมาบริโภคกันดี”

&&&&&&&&&&&&&

เราลองมาดูซิว่า กว่าจะเป็นน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์  (Black Seed Oil) มันต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้าง จนกระทั่งออกมาน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ Black Seed Oil ที่มีคุณภาพ และมีอนุพันธุ์ของสารพฤกษเคมีที่ทรงคุณค่ามหาศาลอยู่ในนั้น อันได้แก่ Thymoquinone, Saponins*, Alkaloids


*ซาโปนิน (Saponin) เป็นสารทุติยภูมิที่ส่วนใหญ่พบมากในพืช เป็นสารประกอบประเภทไกลโคไซด์ (glycoside) มีคุณสมบัติเป็น “adaptogen” ซึ่งช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น ปรับความสมดุลของความดันโลหิต, เพิ่มสมรรถนะในการทำงานของร่างกายให้สูงขึ้น, ต่อต้านความเครียด กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง มีผลให้รู้สึกมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า, เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และชะลอความแก่

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ทำไมฮับบาตุซเซาดะฮ์จึงเป็นยาบำบัดได้ทุกโรค


ในบทความหลายเรื่อง ๆ ที่ผ่านมา เราได้เคยกล่าวถึงเหตุผลอันเป็นที่ประจักษ์ถึงวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ที่กล่าวว่า "ฮับบาตุซเซาดะฮ์เป็นยาบำบัดทุกโรค เว้นแต่ความตาย" โดยหยิบยกผลงานวิจัยต่าง ๆ มามากมาย ที่อธิบายถึงประสิทธิภาพของฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed หรือที่ตำรายาไทย เรียกว่า "เทียนดำ") ในการเป็นอาหารหรือยาที่ช่วยชีวิตผู้คนทั้งหลายให้พ้นจากความเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ดังเช่น :-

  • เบาหวาน ชนิดที่ 2 : การบริโภคน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ วันละ 2 กรัม มีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือด ความต้านทานต่ออินซูลิน และ glycosylated hemoglobin (HbA1c) ลดลง[1]
  • ต้านการติดเชื้อเอชไพโลไร (Helicobacter pylori หรือย่อว่า H.pylori) เป็นเชื้อแบคทีเรีย ชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะอาหาร  ส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ แต่ในบางราย เชื้ออาจทำให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น รวมถึงมะเร็งในกระเพาะอาหาร
  • โรคลมชัก (Epilepsy) : น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์เป็นที่รู้จักันในการแพทย์โบราณว่า มีคุณสมบัติเป็น "ยากันชัก" จากผลงานวิจัยเมื่อปี 2007 ในเด็กที่เป็นโรคลมชัก สารสกัดในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์สามารถลดอาการของโรคลมชักอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ[2]
  • ความดันโลหิตสูง : การใช้สารสกัดจากฮับบาตุซเซาดะฮ์ ในปริมาณครั้งละ 100 และ 200 กรัม วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 2 เดือน พบว่า ความดันโลหิตของผู้ป่วยที่มีความดันสูง ลดลง [3]
  • โรคหืดหอบ : การวิจัยทางคลินิกพบว่า สารสกัดของน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการใช้ฮับบาตุซเซาดะฮ์ผสมในน้ำร้อน มีผลในการรักษาโรคหืดหอบ และอาการหอบหืดในระบบทางเดินหายใจ
  • โรคทอนซิลอักเสบ แบบเฉียบพลัน : สาเหตุของทอนซิลอักเสบ หรืออาการเจ็บคอ ส่วนใหญ่มาจากเชื้อไวรัส  พบว่า การใช้ยาแคปซูลจากฮับบาตุซเซาดะฮ์ ผสมกับลูกใต้ใบ ช่วยระงับอาการเจ็บคอ โดยมีนัยสำคัญทางสถิติจากการทดลองทางคลินิก
  • ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากอาวุธทางเคมี เช่น อาการของระบบทางเดินหายใจ และลดการใช้ยาแผนปัจจุบัน
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่ : จากการศึกษาพบว่า การใช้สารสกัดจากฮับบาตุซเซาดะฮ์ ระงับการเจริญเติบโตของมะเร็งลำไส้นั้น มีผลเทียบได้กับการใช้ยาเคมีบำบัด (chemo agent 5-fluorouracil)  แต่ทว่าการใช้ฮับบาตุซเซาดะฮ์มีความปลอดภัยสูงกว่า[4] โดยจากการวิจัยในหนูทดลองพบว่า มีค่านัยสำคัญทางสถิติ
  • การติดเชื้อ MRSA : ฮับบาตุซเซาดะฮ์มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ methicillin Staphylococcus aureus ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล  โดยเฉพาะผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยแผลกดทับและผู้ป่วยที่ต้องใช้สายสวนปัสสาวะ หรือสายให้น้ำเกลือและยาทางหลอดเลือด
  • การติดยาเสพติด/การถอนยา : การศึกษาในผู้ป่วยติดยา จำนวน 35 ราย พบว่า ฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือเทียนดำ เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการให้ผลในระยะยาว แก่ผู้ป่วยที่ต้องพึงยา (opioid) ในการรักษาอาการติดยา 

การวิจัยทางชีวภาพเกี่ยวกับ สารออกฤทธิ์ของฮับบาตุซเซาดะฮ์ในการบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ  ก็ได้มีมาอย่างต่อเนื่องในหลาย ๆ ประเทศ นับเป็นหลายร้อยเรื่อง  และนี่คือส่วนหนึ่งของผลงานวิจัยที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว ซึ่งอาจจะให้คำตอบแก่คุณได้ว่า “ทำไมฮับบาตุซเซาดะฮ์ จึงเป็นยาบำบัดทุกโรค”  

1.      ป้องกันความเสียหายจากรังสี : Thymoquinone ซึ่งเป็นสารสกัดในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมอง จากภาวะความเครียดที่เกิดจากการฉายรังสี

2.      ป้องกันภาวะหัวใจวาย (Heart Attack)

3.      ป้องกันการพึ่งพามอร์ฟีน/ความเป็นพิษ

4.      ป้องกันความเสียหายของไตที่เกิดจากโรคเบาหวาน : thymoquinone ซึ่งเป็นสารสกัดในน้ำมันฮับบาตุซเซาด์ ป้องกันผลกระทบที่ทำให้เกิดโรคไตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

5.      ป้องกันไม่ให้เกิดผังผืดหลังการผ่าตัด :  น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ช่วยลดการยึดติดกันของเยื่อผังผืด ที่เกิดจากการผ่าตัดทางช่องท้อง
6.      ป้องกันการเป็นพิษต่อระบบประสาทในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ เช่น การตายของเซลล์ในระบบประสาท
7.      ยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม : Thymoquinone ในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก และก่อให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งเต้านม
8.      ยับยั้งโรคสะเก็ดเงิน Anti-Psoriasis : ฮับบาตุซเซาดะฮ์มีฤทธิ์ยับยั้งโรคสะเก็ดเงิน ตามที่มีการใช้ในตำรายาแผนโบราณ
9.      ปกป้องพยาธิสภาพของเซลล์สมองในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และโรคสมองเสื่อม (dementia with Lewy bodies)

10.  ฆ่าเซลล์มะเร็งสมอง (Gliobastoma Brain Cancer )

11.  ฆ่าเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว

12.  ยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งตับ

13.  ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน

14.  ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปากมดลูก

15.  ปกป้องอันตรายที่ทำให้สมองไค้รับความเสียหาย

16.  ฆ่าเซลล์มะเร็งในช่องปาก


และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ก็คือ Thymoquinone ที่มีประสิทธิภาพในการบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ที่นับเป็นตัวเอกของงานนี้ : เพิ่มภูมิต้านทานโรค ต่อต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านมะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก ต่อต้านการอักเสบ ต่อต้านการติดเชื้อทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส (ที่ตัวยาอื่น ๆ ไม่สามารถทำลายได้) หรือแม้แต่กระทั่งปรสิต หรือพยาธิ ที่ตัวยาอื่นไม่สามารถฆ่าให้ตาย และไม่มีอันตรายแม้แต่จะใช้กับเด็กเล็ก.


------------------------

เอกสารอ้างอิง :

[1] Abdullah O Bamosa, Huda Kaatabi, Fatma M Lebdaa, Abdul-Muhssen Al Elq, Ali Al-Sultanb. Effect of Nigella sativa seeds on the glycemic control of patients with type 2 diabetes mellitusIndian J Physiol Pharmacol. 2010 Oct-Dec;54(4):344-54. PMID: 21675032

[2] Javad Akhondian, Ali Parsa, Hassan Rakhshande. The effect of Nigella sativa L. (black cumin seed) on intractable pediatric seizuresMed Sci Monit. 2007 Dec;13(12):CR555-9. PMID: 18049435

[3] Farshad Roghani Dehkordi, Amir Farhad Kamkhah. Antihypertensive effect of Nigella sativa seed extract in patients with mild hypertensionBraz J Med Biol Res. 2006 Apr;39(4):421-9. Epub 2006 Apr 3. PMID: 18705755

[4] Elsayed I Salim, Shoji Fukushima. Chemopreventive potential of volatile oil from black cumin (Nigella sativa L.) seeds against rat colon carcinogenesisNutr Cancer. 2003;45(2):195-202. PMID: 12881014

[ [ [*Thank you for the source : http://www.greenmedinfo.com/ ] ] ]