แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความดันโลหิตสูง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความดันโลหิตสูง แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

10 อันดับแรก จากคุณประโยชน์ของเมล็ดเทียนดำ (ฮับบาตุซเซาดะฮ์)

เมล็ดเทียนดำ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า Nigella sativa นั้น เป็นเครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหาร ที่ส่วนใหญ่พบได้บ่อยในอาหารอินเดียและตะวันออกกลาง  มันถูกเรียกหลายชื่อ เช่น Onion Seeds, Fennel Flower seeds, Black caraway, Roman corieander หรือ Kalonji

มันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีกลิ่นฉุน รสชาติขมและเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมคล้าย ๆ ออริกาโน  เมล็ดของมันถูกนำมาคั่วแห้งเพื่อใช้เพิ่มรสชาติให้กับอาหารประเภทแกง และอาหารประเภทผัดผัก

ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ผู้คนได้ใช้เมล็ดเทียนดำและน้ำมันสกัดจากเมล็ดเทียนดำ หรือน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ  ซึ่งมันแทบไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด และยังให้คุณสมบัติในการบำบัดรักษาที่กว้างขวาง

คุณประโยชน์สูงสุดที่มีผลดีต่อสุขภาพนั้น เป็นผลมาจากสารพฤกษเคมี หลัก 3 ตัว คือ Thymoquinone (TQ), Thymohydroquinone (THQ) และ Thymol – ที่อยู่ในเมล็ดเทียนดำ  และนอกจากนี้ยังมีสารอาหารต่าง ๆ เช่น แคลเซียม, เส้นใยอาหาร (fiber), โพแทสเซียม, โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ (healthy fat)

เมล็ดเทียนดำยังสามารถใช้เป็น ยาแก้ปวด, ยาฆ่าเชื้อรา (antifungal),  ยาแก้ปวดท้อง (antispasmodic), สารต้านอนุมูลอิสระ  (antioxidant),  ต้านเชื้อแบคทีเรีย  (antibacterial), ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory),   ขับลมในกระเพาะอาหาร, รักษาแผลในกระเพาะอาหาร, ลดความดันโลหิต และมีคุณสมบัติเป็น Anticholinergic*


[*นพ.มานิตย์วัชร์ชัยนันท์ : Anticholinergics  เป็นกลุ่มยา ที่ออกฤทธิ์บล็อกการทำงานของสารสื่อประสาท (neurotransmitter acetylcholine) ในสมอง ซึ่งถูกนำไปใช้รักษาโรคต่าง ๆ หลายอย่าง เป็นต้นว่า โรคหืด (asthma), โรคการควบคุมปัสสาวะล้มเหลว  (incontinence), กระเพาะลำไส้ปั้น (GI Crmaps), กล้ามเนื้อป้้น  หรือตระคิว  (muscular spasms)  นอกจากนี้ Anticholinergics ยังถูกนำไปใช้รักษาภาวะซึมเศร้า (depression)  และรักษาความผิดปกติในเรื่องการนอนหลับ (sleep disorders)  ยังทำหน้าที่รักษาความสมดุลในการผลิตสารสื่อประสาท Dopamine และ acetylcholine ภายในร่างกาย ]


10 อันดับแรกจากคุณประโยชน์ของเมล็ดเทียนดำที่มีผลดีต่อสุขภาพ

1. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
เมล็ดเทียนดำมีฤทธิ์ทำให้ความดันโลหิตลดลง จึงช่วยรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง  ผลการศึกษาวิจัยเมื่อปี 2008 ในวารสาร Fundamental & Clinical Pharmacology Journal  การใช้สารสกัดจากเมล็ดเทียนดำเป็นประจำ ภายในเวลา 2 เดือน มีผลช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงที่ไม่รุนแรง  นอกจากนี้ มันยังช่วยลดระดับไขมัน LDL และส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่หัวใจ

เมื่อมีอาการความดันโลหิตสูง ให้รับประทานเมล็ดเทียนดำ 100-200 มก. วันละสองครั้ง

2. การควบคุมเบาหวาน ชนิดที่ 2
นักวิจัยได้ศึกษาประสิทธิผลของเมล็ดเทียนดำ ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2  อ้างอิงการศึกษาเมื่อปี 2010 ตีพิมพ์ในวารสาร Indian Journal of Physiology and Pharmacology  การรับประทานเมล็ดเทียนดำ เป็นประจำวันละ 2 กรัม อาจจะเป็นวิธีที่เป็นประโยชน์ในการจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2

โดยทั่วไปการบริโภคของเมล็ดเทียนดำ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และความต้านทานต่ออินซูลิน เช่นเดียวกับการเพิ่มฟังก์ชั่นเบต้าเซลล์ในตับอ่อน  มันจึงมีประโยชน์ในการป้องกันโรคเบาหวาน

3. ส่งเสริมสุขภาพตับ
น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือน้ำมันเทียนดำ สามารถส่งเสริมสุขภาพของตับ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2013 European Review for Medical and Pharmacological Sciences  น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์แสดงให้เห็นว่า มันสามารถปรับปรุงโครงสร้างของตับและไต

การศึกษาพบว่า น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ช่วยเพิ่มกลไกการป้องกันภาวะไตเสื่อมเฉียบพลันอันมีสาเหตุมาจากตับแข็งหรือตับวาย ช่วยลดอาการโรคแทรกซ้อนและทำให้พัฒนาการของโรคมีความล่าช้าออกไป  ดังนั้น เพื่อปรับปรุงการทำงานของตับและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับตับหรือจากการป่วยเป็นโรคตับ จึงควรรับประทานเมล็ดเทียนดำเป็นอาหารประจำวัน

4. กระตุ้นความจำ (Boosts Memmory)
เมล็ดเทียนดำสามารถสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่สมองของคุณ  เนื่องจาก มันมีสารต้านอนุมูลอิสระ, ต้านการอักเสบ และปกป้องเซลล์ประสาท  เมล็ดเทียนดำสามารถปรับปรุงความจำของคุณ

การศึกษาทางคลินิก เมื่อปี 2013 ตีพิมพ์ในวารสารเภสัชศาสตร์วิทยา The Journal of Ethnopharmacology  พบว่า คนที่รับประทานเมล็ดเทียนดำบดชนิดผง ขนาด 500 มิลลิกรัม/แคปซูล มีผลช่วยพัฒนาความรู้ความเข้าใจ, หน่วยความจำ และความสมาธิ ให้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานยาหลอก

วิธีรับประทาน : ทานเมล็ดเทียนดำผง  ครั้งละ ½ ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง หรือในปริมาณที่แพทย์แนะนำ

5. รักษาโรคหอบหืด
น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์มีฤทธิ์ต้านทานอาการหอบหืด (anti-asthmatic) ช่วยระบบทางเดินหายใจ ในโรคหืด  จากการศึกษาเมื่อปี 2010 ตีพิมพ์ในวารสารทางพฤกษเวชศาสตร์ (phytomedicine) พบว่า คุณสมบัติในการป้องกันโรคหอบหืดของเมล็ดเทียนดำ จะช่วยลดความรุนแรงของอาการหอบหืด และช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวจากอาการหอบได้เร็วขึ้น  สารสกัด Thymoquinone ที่อยู่ในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ จะช่วยลดอาการอักเสบของทางเดินหายใจ และยับยั้งการหลั่งเยื่อเมือกจากอาการแพ้หรือเสมหะ  

นอกจากนี้ น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการเจ็บคอ, โรคไซนัสอักเสบเฉียบพลัน และต่อมทอนซิลอักเสบ อีกด้วย

วิธีการใช้ : หยดน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ เพียงไม่กี่หยดลงหม้อน้ำร้อน แล้วคลุมศีรษะด้วยผ้าขนหนูบนหม้อน้ำร้อน เพื่อสูดดมไอระเหยของมัน เป็นเวลา 5 นาที ทำซ้ำตามความจำเป็น หรืออาจจะหยดน้ำมันไม่กี่หยดบนผ้าเช็ดหน้าของคุณ แล้วสูดดมกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยของมันในเวลาที่ต้องการ

6. ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
เมล็ดเทียนดำมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด รวมทั้งมะเร็งเต้านม, มะเร็งสมอง, มะเร็งช่องปาก, มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่

การศึกษาเมื่อปี 2012 ตีพิมพ์ในวารสารทางชีวเคมี และเภสัชวิทยา พบว่า Thymoquinone ในเมล็ดเทียนดำมีศักยภาพในการรักษาความผิดปกติจากการอักเสบ และโรคมะเร็ง  องค์ประกอบของมันทำหน้าที่เป็นตัวดักจับอนุมูลอิสระ

7. รักษาโรคอุจจาระร่วง
เมล็ดเทียนดำใช้ได้ผลดีในการรักษาปัญหากระเพาะอาหาร เช่น ท้องเสีย มีก๊าซ จุกเสียด และท้องผูก จากการศึกษาเมื่อปี 2012 ตีพิมพ์ในวารสาร PLoS One journal สารสกัดจากเมล็ดเทียนดำช่วยบรรเทาอาการแพ้จากโรคอุจจาระร่วงในหนูทดลอง

8. รักษาโรคแพ้ผื่นคันผิวหนังอักเสบ (Eczema)
9. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
10. ลดการหลุดร่วงของเส้นผม



*************
Credit : Health Expert @Youtube [Thank you very much]

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

น้ำมันจากเมล็ดเทียนดำช่วยลดความดันโลหิต

มารู้จักโรคความดันโลหิตสูงกันก่อน

โรคความดันโลหิตสูง หรือภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension หรือ High blood pressure) เป็นโรคพบได้บ่อยมากในผู้ใหญ่ โดยพบในผู้ชายบ่อยกว่าในผู้หญิง และผู้สูงอายุในบางประเทศ ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป พบโรคนี้ได้สูงถึง 50% ผู้ที่อยู่ในภาวะความดันโลหิตสูง คือ วัดความดันได้สูงตั้งแต่ 140/90 มม.ปรอท ขึ้นไป



แพทย์บางท่านเรียกโรคความดันโลหิตสูง ว่า “เพชฌฆาตเงียบ (Silent killer)” ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นโรคที่มักจะไม่มีอาการ และจัดเป็นโรคเรื้อรังที่รุนแรง หากไม่สามารถควบคุมโรคได้ ส่วนใหญ่ภาวะความดันโลหิตสูง มีสาเหตุมาจากผลข้างเคียงของผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง หรือมาจากผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค คือ เป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือมาจากอาการของโรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง   อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการจากตัวโรคความดันโลหิตสูงเองก็ได้ โดยมีอาการที่อาจพบได้ เช่น ปวดศีรษะ มึนงง วิงเวียน สับสน และเมื่อมีอาการมากอาจโคมาและเสียชีวิตได้

 

น้ำมันจากเมล็ดเทียนดำช่วยลดความดันโลหิต

มีรายงานการวิจัยทางคลินิก : ศึกษาผลการใช้น้ำมันเทียนดำ (น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ Black See Oil) ในการลดความดันโลหิตของกลุ่มอาสาสมัครสุขภาพดี จำนวน 70 คน อายุระหว่าง 34-63 ปี ที่มีความดันช่วงบน 110-140 มม.ปรอท และความดันช่วงล่าง 60-90 มม.ปรอท โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับน้ำมันเทียนดำ ขนาด 2.5 มล. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก

ผลศึกษาพบว่า : ความดันโลหิตทั้งช่วงบนและช่วงล่างของกลุ่มที่ได้รับน้ำมันเทียนดำจะลดลง  เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ขณะที่ค่าอื่น ๆ เช่น ดัชนีมวลกาย (bodymass index) ระดับของเอนไซม์ aspartate transaminase, alanine transaminase, alkaline phosphatase ระดับของครีตินิน และยูเรียในเลือด ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่พบอาการไม่พึงประสงค์จากการได้รับน้ำมันเทียนดำ 


จึงสรุปได้ว่า การรับประทานน้ำมันเทียนดำ (น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์) ขนาด 5 มล. (เท่ากับ 1 ช้อนชา) ต่อวัน นาน 8 สัปดาห์ จะทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ โดยปราศจากอาการไม่พึงประสงค์

Phytother Res 2013;27:1849–53.

ขอบคุณข้อมูล :

1. เรื่องความดันโลหิตสูง : ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ haamor.com
2. รายงานผลการวิจัยทางคลินิก จากสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

"ความดันโลหิตสูง" โรคที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยไม่รู้ตัว


วันนี้ KAMIL HABBATUSSAUDA ขอนำเรื่อง “โรคความดันโลหิตสูง” มานำเสนอทุกท่าน เนื่องจากมันคืออันตรายใกล้ตัวที่สุดที่เราทุกคนไม่ควรมองข้าม “มัจจุราชเงียบ” ที่มาเยี่ยมเยือนเราโดยไม่รู้ตัว และไม่บอกกล่าวอย่างไร้มารยาท  โดยในปี 2543 ประชากร 1 แสนคน พบผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 259.02 และพบเพิ่มเป็น 1,349.39 ในปี 2553  ซึ่งถือว่ามีอัตราสูงขึ้นกว่า 5 เท่า

จากผลการสำรวจสภาวะสุขภาพอนามัยของประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 (พ.ศ.2551-2552) พบว่า ผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง ร้อยละ 60 ในผู้ชาย และร้อยละ 40 ในผู้หญิง ไม่เคยได้รับการตรวจวินิจฉัยมาก่อน  พูดง่ายๆ คือ ไม่รู้ตัวว่าเป็นความดันโลหิตสูง

นพ.วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “มีหลายประเด็นที่พี่น้องคนไทยไม่รู้ ไม่ใส่ใจ รู้ทั้งรู้ หรือยังเข้าใจผิดอยู่  เมื่อลงพื้นที่หลายจังหวัดก็จะพบประเด็นต่าง ๆ เช่น 
คิดว่าโรคนี้จะต้องมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น หรือเหนื่อยง่าย เมื่อไม่มีอาการก็นึกว่าไม่เป็นโรคนี้ ความจริงส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 จะไม่พบโรคหรือภาวะผิดปกติ”

สิ่งที่เป็นต้นเหตุของความดันโลหิตสูง ซึ่งเรียกว่า “ความดันโลหิตสูงชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ” (Essential Hypertension หรือ Primary Hypertension) มักจะมาจากพันธุกรรม คือ ถ้าพ่อแม่พี่น้องเป็น ตัวเองมีโอกาสเป็นสูงกว่าคนอื่น 3 เท่า  นอกจากนี้ ในคนสูงอายุ อ้วน กินเค็ม ดื่มเหล้า ก็เป็นปัจจัยสำคัญ พบในอายุเริ่มที่ 25 ปี ต่อมาเริ่มมีอาการป่วยที่อายุ 40 ปี ผู้ป่วยจะปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจความดัน เนื่องจากไม่มีอาการ จนในที่สุดกลายเป็นโรคหัวใจ โรคอัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองแตก ถึงจะมาโรงพยาบาล ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ส่วนน้อยต่ำกว่าร้อยละ 10 อาจตรวจพบโรคเป็นต้นเหตุ พบในคนอายุน้อยกว่า 30 ปี เริ่มมีโรคความดันสูง ที่เรียกว่า “Secondary Hypertension” เช่น หญิงตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ คอพอกเป็นพิษ โรคไตอักเสบ

**เราจะทราบว่าป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือไม่??  มีวิธีการเดียวเท่านั้น คือการตรวจวัดความดันโลหิต เป็นระยะ ๆ  บางรายนึกว่าคนผอมไม่เป็นความดันโลหิตสูง ความจริงแล้วโรคนี้พบได้ทั้งคนอ้วนและคนผอม ยิ่งพ่อแม่เป็นแนวโน้มลูกจะได้มรดกมา มากถึง 3 เท่า

นพ.วิชัยฯ ได้กล่าวว่า เมื่อคราวลงพื้นที่ อ.เมืองสิงห์บุรี มีชายไทยอายุ 50 ปี เป็นความดันโลหิตสูงถึง 200/100 มิลลิเมตรปรอท (เป็นโรคระดับ 3 สีแดง) รักษามากนานมาก ให้ยาทุกชนิดก็ไม่ลง พยาบาลจึงลงไป "สอบสวนโรค พบว่า ลูกชายอายุ 18 ปี ติดยาเสพติด ทำให้พ่อเครียดกินยาอย่างไรก็ไม่ลง จึงต้องรักษา "ลูก" ที่ติดยาก่อน ความดันโลหิตสูงของพ่อก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ไม่ต้องกินยาลดความดัน (( นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า “ความเครียด” เป็นสาเหตุหนึ่งของความดันสูง ซึ่งใช้ยาตัวไหนก็รักษาไม่หาย ))

ผู้ป่วยอีกรายหนึ่ง เป็นชายไทยอายุ 60 ปี เป็นความดันโลหิตสูงระดับสีแดง 180/100 กินยาต่อเนื่องมาเรื่อย วันหนึ่งไปตรวจวัดความดันที่โรงพยาบาลพบว่า ความดันอยู่ในระดับปกติ หลังเวลาผ่านไป 10 วัน ผู้ป่วยเกิดอาการเจ็บ จุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หัวใจหยุดเต้น ต้องปั๊มหัวใจและแก้ไขได้ทันรอดตาย  เมื่อทำการสอบสวนโรคจึงพบว่า หลังตรวจวัดว่า “ปกติ” ผู้ป่วยเลยคิดว่า "ตัวเองหาย"  จึงไม่ได้กินยา ขาดยาไป 10 วัน กอปรกับช่วงเวลาดังกล่าวมีภาวะเครียด ความดันขึ้น ทำให้มีอาการจุกหน้าอก หัวใจขาดเลือดกะทันหัน และความดันที่วัดขณะนั้นสูงถึง 210/110 มิลลิเมตรปรอท

วิเคราะห์จากสถานการณ์ข้างต้น นพ.วิชัยฯ จึงต้องการจะบอกให้ทุกท่านได้ทราบข้อเท็จจริงว่า "โรคความดันโลหิตสูง เป็นแล้วเป็นเลย รักษาไม่หายขาด จะเป็นเรื้อรังตลอดชีวิต”

(ที่มา : เว็บไซด์ของ สสส. ซึ่งสรุปบทความของ นพ.วิชัย เทียนถาวร จาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ)

ท่อน้ำเก่า (เส้นโลหิต)ใช้งานมานาน มันก็ต้องกรอบแข็ง มีคราบสนิมจับเกรอะกรังไปหมด ทำให้ปั้มน้ำ (ห้วใจ) ต้องทำงานหนักขึ้น ร่างกายก็เลยมีเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ไม่เพียงพอ จึงเป็นสาเหตุของโรคเรื้อต่าง ๆ อีกหลายโรคตามมา เช่น หัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือด ไตขาดเลือด ตาบอด ปลายมือปลายเท้าขาดเลือด ทำให้เกิดอาการชา เป็นต้น แล้วเราจะดูแลรักษาสุขภาพร่างกายอย่างไร เพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ ที่มีจากความเสื่อมของระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย การป้องกันไว้ก่อน น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
โรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่ตามมาจากการป่วยด้วย "โรคความดันโลหิตสูง"

ดังนั้น ท่านผู้อ่านที่ติดตามบล็อกของ KAMIL HABBATUSSAUDA มาโดยตลอด น่าจะทราบเป็นอย่างดีว่า "น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์" สามารถบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งโรคที่มาจากความเสื่อม และโรคที่มาจากการติดเชื้อ อีกทั้งเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง มีระดับฮอร์โมนที่สมดุล  และมันคือสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้ในแพทย์ทางเลือก ตามแนวทางป้องกัน และเป็นการบำบัดรักษาโดยวิถีทางธรรมชาติ ที่ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ  ซึ่งในทางกลับกันยาทางเภสัชกรรม สามารถรักษาโรคได้ หรือระงับอาการที่ปลายเหตุ แต่มันก็ให้ผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่เป็นผลเสียต่อร่างกายติดตามมา เมื่อมีการใช้ในระยะยาว

หมายเหตุ : ลิงค์งานวิจัยเกี่ยวกับ ฮับบาตุซเซาดะฮ์สามารถรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งมีผลต่อการลดความดันโลหิต นั่นเอง