แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มะเร็งตับ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มะเร็งตับ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

KAMIL HABBATUSSAUDA รักษาโรคมะเร็งตับ


วันนี้มีประสบการณ์การใช้ KAMIL HABBATUSSAUDA (น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ black seed oil) จากลูกค้าที่ซื้อฮับบาตุซเซาดะฮ์ ของ KAMIL ไปรับประทาน มาแบ่งปันให้แก่ทุกท่านที่ติดตามเว็บบล็อกของเราค่ะ  โดยขอหยิบยกโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 1 ของประชากรในประเทศไทย ซึ่งครองอันดับ 1 มาเป็นเวลา 10 ปี นับย้อนขึ้นไปจากรายงานสถิติในปี พ.ศ. 2553  และจากสถิติพบว่า "มะเร็งตับ" เป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับที่ 1 เช่นกันในจำนวนโรคมะเร็งทั้งหมด  
อัตราการตายด้วยโรคร้ายแรง 5 อันดับแรก (ปี 2543-2555)
อัตราการตายของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง (ปี 2543-2555)
“มะเร็งตับ” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
  1. มะเร็งตับปฐมภูมิ เกิดจากเซลล์ต้นกำเนิดที่อยู่ในเนื้อตับจริง ๆ และยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ hepatocellular carcinoma หรือ hepatoma  อีกชนิดคือมะเร็งของเซลล์ท่อทางเดินน้ำดี ที่เรียกว่า cholangiocarcinoma (หรือ อาจเรียกว่า “มะเร็งท่อน้ำดี” เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ของท่อน้ำดี พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ภาคอิสาณ ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีพยาธิใบไม้ในตับ มีนิ่วในถุงน้ำดี ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับโต และปวดท้อง เป็นโรคที่สามารถมีอันตรายถึงตายได้อย่างรวดเร็วและไม่มีทางรักษา หากไม่สามารถตัดเนื้อมะเร็งออกให้หมดได้ ยังไม่มีการรักษาใด ๆ ที่มีโอกาสรักษาโรคให้หายได้นอกจากการผ่าตัด ในขณะที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่าจะได้รับการวินิจฉัยก็เป็นระยะที่โรคลุกลามไปมาก และไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีมักได้รับการดูแลรักษาด้วยการให้เคมีบำบัด หรือรังสีรักษา  ซึ่งเป็นการรักษาแบบประคับประคอง   อัตราการรอดตายของผู้ป่วย คือ จะมีชีวิตอย่างน้อยห้าปีหลังตรวจพบมะเร็ง ทั้งนี้ ไม่รวมคนที่ตายจากโรคอื่น ๆ )

Cholangiocarcinoma
2. มะเร็งที่มีต้นกำเนิดจากอวัยวะอื่นก่อน แล้วค่อยแพร่กระจายเข้าไปในตับ ซึ่งโดยมากก็จะเป็นจากลำไส้ ปอด เต้านม เป็นต้น
 
ส่วนที่หมอวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับ หมายถึง กลุ่มแรกที่เกิดจากเซลล์ต้นกำเนิดในตับโดยตรง ซึ่งมะเร็งทั้งสองชนิดในกลุ่มนี้ สามารถที่จะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้เช่นกัน และหากมีการแพร่กระจายแล้วก็ถือว่าเป็นระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้าย.. ดังนั้น โอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้นั้นยากมากค่ะ แทบเรียกได้ว่าไม่ค่อยจะมี...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนไข้จะต้องเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว  ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรอยโรคในตับว่ามันรุนแรงแค่ไหน??  และสาเหตุที่คนไข้จะเสียชีวิตมักจะเกิดจากภาวะตับวาย คือมีรอยโรคในตับที่มากจนตับที่เหลืออยู่น้อยมาก จนตับทำงานไม่ไหวนั่นเอง  มักจะไม่ได้เสียชีวิตจากรอยโรคที่อื่น....วิธีการรักษา จึงมีเพียงจุดมุ่งหมายในการประคับประคองเท่านั้น  เพื่อลดความเจ็บปวดทรมานและให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ประสบการณ์จากผู้ใช้ KAMIL HABBATUSSAUDA  
คุณยายคนหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ อายุประมาณ 70 กว่าปี ป่วยด้วยโรค “มะเร็งตับ ระยะที่ 4 ลูกสาวของคุณยาย มิได้ให้คุณยายบำบัดรักษาความเจ็บป่วยด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน  อาจเป็นไปได้ว่า เธอคงศึกษาวิธีการรักษามาแล้วว่า ไม่ได้ช่วยให้คุณแม่ของเธอมีอาการดีขึ้น และหายจากโรคร้ายนี้ได้ และหากรักษาคนไข้อาจจะทนรับผลกระทบ ที่เกิดจากการรักษาไม่ไหว เช่น การได้รับเคมีบำบัด เธอจึงได้เสาะแสวงหาการรักษาด้วยวิถีธรรมชาติ และได้ search ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต แล้วเธอก็ได้พบ “สมุนไพรฮับบาตุซเซาดะฮ์ ของ KAMIL” ในเว็บบล็อกแห่งนี้ 

“โอ้ พระเจ้า มันเป็นแสงสว่างเพียงน้อยนิดที่ยังคงมีเหลืออยู่” เธอโทรมาดิฉันด้วยน้ำเสียงที่
ตื่นเต้นและสั่นเครือ  ดิฉันจึงบอกว่า "มิอาจรับปากได้นะ ว่าคุณยายจะรอดหรือไม่? เพราะไม่สามารถทราบได้ว่า อายุขัยของคุณยายจะจบลงเมื่อไร?  (ฮับบาตุซเซาดะฮ์ เป็นยาบำบัดทุกโรค เว้นแต่ความตาย)  แต่ถ้าตัดสินใจรับประทานก็มีแต่ผลดีเกิดขึ้น ไม่มีผลเสียหาย"  
ดังนั้น เธอจึงได้ตัดสินใจสั่งซื้อเพียง 1 กระปุก (วันที่ 16 ก.ย. 55) เพื่อดูผลการตอบสนองของสมุนไพรก่อน  และได้ให้คุณแม่ของเธอรับประทาน พร้อมทั้งตัวเองก็ลองทาน เพื่อรักษาอาการเบาหวานของเธอด้วย

ผลลัพท์ : ภายในช่วงเวลาแค่ 10 วันเท่านั้น ดิฉันได้โทรไปเยี่ยมเยียน เธอบอกว่า คุณยาย (หมายถึง คุณแม่ของเธอ) มีอาการดีขึ้นมาก อาการตัวเหลืองน้อยลงกว่าเดิม และตัวเธอเองที่เป็นเบาหวาน ก็ได้ตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือด พบระดับน้ำตาลในเลือดลดลง..ด้วยเช่นกัน
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่เพิ่งผ่านมาสองวันนี้  เธอได้โทรมาสั่งซื้อ KAMIL HABBATUSSAUDA เพิ่มอีก 3 กระปุก และดิฉันได้สอบถามอาการของคุณยาย  เธอตอบว่า “คุณยายดีขึ้นมาก ๆ เกือบเหมือนคนปกติ ทานอาหารได้ เมื่อตอนสิ้นเดือนกันยายน เข้าโรงพยาบาล เนื่องจากสายที่ต่อท่อน้ำดีจากตับ เพื่อให้ถ่ายทิ้งออกข้างนอกนั้น ได้หลุดออกมา จึงต้องเข้าโรงพยาบาลให้คุณหมอใส่ให้ใหม่  แต่คุณยายไม่ได้มีอาการป่วยหรือผิดปกติประการใด  และไม่ได้เข้าไปเพื่อบำบัดรักษา (treat) โรคมะเร็งตับ แต่อย่างใด คุณหมอที่ให้การดูแลบอกว่า คุณยายอาการดีขึ้นมาก และอีกไม่นานนักถ้าคุณยายดีขึ้นกว่านี้ คุณหมออาจจะถอดสายที่ต่อท่อน้ำดีทิ้ง"  ช่างน่ามหัศจรรย์จริง ๆ  ตอนท้ายเธอยังได้กล่าวย้ำกับดิฉันอีกว่า “คุณแม่ของเธอไม่ได้บำบัดรักษาด้วยวิธีการอื่นใด นอกจากทานฮับบาตุซเซาดะฮ์ ของ KAMIL เพียงอย่างเดียวค่ะ”
ดิฉันมิอาจซักถามได้ว่า คุณยายป่วยเป็นมะเร็บตับประเภทหรือชนิดไหน?  แต่จากการฟังอาการที่เธอเล่ามา ประกอบกับการค้นคว้าข้อมูลเรื่องโรคมะเร็งตับ ดิฉันคาดว่า คุณยายน่าจะป่วยเป็นมะเร็งตับ ชนิด cholangiocarcinoma.

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

มะเร็งตับ..ภัยร้ายที่ไม่ควรประมาท


“มะเร็งตับ”  เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 2 ในเพศหญิง และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งตับนี้ถ้ารู้ตัวก็มักจะเสียชีวิตใน 3 -6 เดือน

1. ไวรัสตับอักเสบบีและซี จากข้อมูลทางสถิติพบว่า 80% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีและซีมาก่อน โดยมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติถึง 223 เท่า 
2. ตับแข็ง ประมาณ 90% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจะมีอากรตับแข็งร่วมด้วย 
3. ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ทำให้มีอาการตับแข็ง
4. ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือมีโรคอ้วน
4. สารอะฟลาท๊อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งพบปนเปื้อนอยู่ในถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง กระเทียม เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ เป็นสารก่อมะเร็ง  จึงเป็นสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ จากการศึกษาพบว่า อะฟลาท๊อกซิน มีความสัมพันธ์กับไวรัสตับอักเสบบี โดยเชื่อว่าเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเป็นตัวทำให้เกิดมะเร็งตับ  และอะฟลาท๊อกซินเป็นตัวเสริม  ดังนั้น ผู้ที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี จึงควรที่จะหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วลิสง โดยเฉพาะถั่วลิสงป่นที่เก็บค้างไว้นาน ๆ ข้าวโพด พริกแห้ง กระเทียม เต้าเจี้ยว และเต้าหู้ยี้

เราจะทราบได้อย่างไรว่า..กำลังเป็นมะเร็งตับ ?
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ มีอัตราการอยู่รอดต่ำ ก็คือ มะเร็งตับในระยะแรก ซึ่งจะสามารถรักษาให้หายขาดได้นั้น มักไม่แสดงอาการที่ชัดเจนออกมา โดยผู้ป่วยจะมีอาการคลุมเครือ เช่น เสียดท้องด้านขวา มีอาการจุกแน่นในบางครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่แทบไม่มีอาการอะไรเลย ทั้งนี้ ก็เพราะตับเป็นอวัยวะที่มีกำลังสำรองมาก คนเราสามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการทำงานของตับประมาณ 30%  ดังนั้น เมื่อโรคปรากฏอาการชัดเจน มะเร็งก็อยู่ในระยะลุกลาม หรือมีขนาดใหญ่และไม่สามารถจะรักษาได้แล้ว

อาการของผู้ป่วยมะเร็งตับ
 รู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร จุกเสียด แน่นท้อง น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว และอาการที่เด่นชัด ก็คือ ปวดชายโครงด้านขวา โดยอาจร้าวไปที่ไหล่ด้านขวาหรือลำตัวซีกขวา และอาจคลำพบก้อนที่ชายโครง

มะเร็งตับสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด แต่มีข้อแม้หลายประการคือ ต้องเป็นก้อนเดียว
และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ลึกมาก หรือเฉพาะในกลีบซ้ายของตับ
 แต่โดยทั่วไปผู้ป่วยมะเร็งตับในบ้านเรา มักมาพบแพทย์เมื่ออยู่ในระยะที่ไม่สามารถที่จะผ่าตัดให้หายขาดได้  รวมไปถึงบางรายที่แม้ผ่าไปแล้ว ต่อมาพบมะเร็งเกิดขึ้นซ้ำอีก เนื่องมาจากมะเร็งได้กระจายไปในระดับเซลล์แล้วตั้งแต่ก่อนผ่าตัด แต่ยังไม่ถึงกับเป็นก้อนให้ตรวจพบได้ ก่อนหน้านี้เมื่อผู้ป่วยอยู่ในระยะที่ผ่าตัดไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีวิธีรักษาอื่นอีก แพทย์มักแนะนำให้ญาติกลับไปดูแลผู้ป่วยเองที่บ้าน หรือให้เพียงการรักษาประคับประคองกับผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากมะเร็งตับ
ในปัจจุบัน มีการรักษาอีกทางหนึ่งซึ่งจะช่วยยืดอายุผู้ป่วยมะเร็งตับให้ยืนยาวต่อไปได้อีก ทางการแพทย์เรียกว่า Transarterial Oily-chemoembolization ( TOCE ) เป็นการรักษาโดยรังสีแพทย์ หลักการคือการนำยาเข้าไปรักษาที่ตัวก้อนเนื้องอกในตับโดยตรง  การรักษาวิธีนี้จะทำให้เนื้องอกได้รับยาอย่างเต็มที่ ยาสามารถออกฤทธิ์อยู่ได้นาน ทำให้เนื้องอกฝ่อเป็นบางส่วน เนื้องอกยุบตัว และขนาดเล็กลง อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่เมื่อเทียบกับการที่ไม่ได้รับการรักษาใดเลย ผู้ป่วยอาจมีอายุเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเดือน หรืออาจจะเลยปี  และช่วยให้ผู้ป่วยจะเจ็บปวดและทรมานจากโรคน้อยลง สามารถมีชีวิตอยู่อย่างสบายขึ้น


ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจากโรคร้ายนี้ จึงควรหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และหากป่วยเป็นมะเร็งตับแล้ว..จะทำอย่างไรดีเล่า!! 

KAMIL HABBATUSSUADA มีลูกค้าคนหนึ่งอยู่ที่เชียงใหม่ เธอสั่งซื้อน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ black seed oil ของ KAMIL เมื่อวันที่ 16 ก.ย.นี้เอง เพื่อรักษามารดาของเธอ ซึ่งอายุ 70 กว่าปีแล้ว ป่วยเป็นมะเร็งตับ ระยะที่ 4 เธอไม่ได้ให้มารดาของเธอรับการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือเยียวยาตามการแพทย์แผนปัจจุบันมากนัก เนื่องจามารดาของเธออายุมาแล้ว คงทนรับผลกระทบจากการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่ไหว  เธอจึงได้แสวงหาสมุนไพร หรือวิธีการรักษาทางธรรมชาติ จากข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต แล้วก็ได้มาพบเว็บบล็อกของ KAMIL HABBATUSSAUDA

โอ้..พระเจ้า มันคือทางรอดอันน้อยนิดที่ยังมีเหลืออยู่ เธอโทรมาดิฉันด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและสั่นเครือ  ซึ่งดิฉันก็บอกว่า "มิอาจรับปากได้นะ ว่าคุณยายจะรอดหรือไม่? เพราะไม่สามารถทราบได้ว่า อายุขัยของคุณยายจะจบลงเมือ่ไร? แต่ถ้าตัดสินใจรับประทานก็มีแต่ผลดีเกิดขึ้น ไม่มีผลเสียหาย"  ดังนั้น เธอจึงได้ตัดสินใจสั่งซื้อเพื่อทดลองทานดูก่อน 1 กระปุก และได้ให้คุณแม่ของเธอรับประทาน พร้อมทั้งตัวเองก็ลองทาน เพื่อรักษาอาการเบาหวานของเธอด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้ภายในช่วงเวลาแค่ 10 วัน เธอบอกว่า คุณยาย (หมายถึง คุณแม่ของเธอ) มีอาการดีขึ้นมาก อาการตัวเหลืองน้อยลงกว่าเดิม และตัวเธอเองที่เป็นเบาหวาน ก็ได้ตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือด พบระดับน้ำตาลในเลือดลดลง..
(( ขอขอบพระคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ที่ได้โปรดประทานพืชสมุนไพรนี้ มาให้เป็นยาบำบัดรักษาโรคทั้งหลาย ที่เกิดแก่มวลมนุษยชาติ ))