แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ habbatussauda แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ habbatussauda แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

อย. ของ KAMIL HABBATUSSAUDA

วันนี้ขอกลับมาทบทวนความเข้าใจเกี่ยวกับ เรื่อง อย. ของ KAMIL อีกสักครั้งหนึ่งนะคะ.. เนื่องจากมีลูกค้ารายหนึ่ง..คุณพ่อของเธอ อายุ 80 กว่าปี รับประทาน KAMIL วันละ 4 แคปซูล (2x2) แล้วรู้สึกว่า..สุขภาพของท่านดีขึ้น ร่างกายสดชื่น ท่านจึงได้แนะนำบรรดาญาติพี่น้องให้รับประทาน. แต่ก็ได้รับการท้วงติงเรื่อง อย. จากพี่น้อง.. ซึ่งตัวท่านเองก็เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ จากผลตอบรับที่ได้กับตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถที่จะชี้แจงญาติพี่น้องได้ว่า เพราะเหตุใดจึงไม่มี อย.ของไทย ดิฉันจึงได้รับคำถามนี้มากจากลูกสาวของท่าน
ที่เป็นผู้ซื้อ..

วันนี้ก็เลยย้อนกลับไปดูข้อมูลเก่าในเรื่องนี้ ที่เคยชี้แจงไว้แล้วเมื่อปี 2556 เกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภค KAMIL HABBATUSSAUDA ว่า มีปลอดภัยหรือไม่..เพียงใด??  ถึงแม้ว่า KAMIL จะไม่ได้ผ่านการรรับรองจาก อย.ของไทยก็ตาม  แต่ทว่า..ได้ผ่านขั้นการรับรองจากทางกรมอนามัย ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิต และการรับจากกรมอนามัยของอินโดฯ ก็มีขั้นตอนที่เข้มงวด..ไม่แพ้ อย.ไทย (เราจะไม่ขอกล่าวถึงขั้นตอนการขอ อย. ไทย ที่เข้มงวด และมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยไม่มีความสามารถ ที่จะขอ อย. ให้แก่ผลิตภัณฑ์ของตนเอง) ต่อไปนี้จึงขอทบทวนโดยสรุปให้รับทราบกันอีกครั้ง ดังนี้

 

KAMIL HABBATUSSAUDA
น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ / น้ำมันเทียนดำ / Black Seed Oil 100%

1. เป็นสินค้านำเข้าจากอินโดเนียเซีย โดยนำเข้ามาทั้ง packaging  มิได้นำมาแบ่งบรรจุในประเทศไทย สินค้าทุกชิ้นจึงผ่านการผลิตและการตรวจสอบ มาจากทางโรงงานที่ผ่านการรับรอง จากประเทศอินโดนีเซีย

2. จัดอยู่ในประเภทของ "ยาแผนโบราณ”

3. มีตรารับรอง JAMU จากอินโดฯ ซึ่งเป็นตรารับรอง "ยาสมุนไพรแผนโบราณ" และมีเพียงประเทศอินโดฯ ประเทศเดียวเท่านั้น ที่สามารถออกตรารับรองนี้ได้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ JAMU จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะอาด บริสุทธิ์ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติล้วน ๆ ปลอดสารเคมีหรือสิ่งเจือปนใด ๆ ที่มิได้มาจากธรรมชาติ.. จึงเปรียบเสมือนสินค้าประเภท ORGANIC FOOD ในตลาดสีเขียวที่เรารู้จักกันดี

4. ผู้ประกอบการ หรือผู้ผลิต จะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการอุตสาหกรรม ผลิตยาแผโบราณ (หรือ IZIN IKOT) โดยผู้ผลิต ADAS INDONUSIA ได้รับใบอนุญาตเลขที่ P2T/13/03.10/VII/2011 (เข้าใจว่า..น่าจะออกในปี 2011) 

5. หลักฐานสำคัญ ที่ใช้ในการขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตยา
  • ที่ตั้งตัวอาคาร คลังเก็บวัตถุดิบ คลังเก็บสินค้าสำเร็จรูป (ผลิตแล้ว) และขนาดของอาคารที่เหมาะสม
  • สำเนาใบอนุญาต ของเภสัชกรประจำโรงงาน
  • บันทึกข้อตกลง หรือสัญญาระหว่าง ผู้ผลิตกับเภสัชกรประจำโรงงาน
  • ตัวยาที่เป็นของเหลว จะต้องมีผลการทดสอบทางจุลชีววิทยา จากห้อง lab
  • จะต้องมีคำชี้แจงทางการแพทย์ในการผลิต
  • จะต้องแสดงรูปแบบของวัตถุดิบที่นำมาใช้ อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์ในการประมวลผล บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ และกรรมวิธีในการบรรจุ
  • มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
  • มีอุปกรณ์ควบคุมมลพิษ

6. ได้รับใบอนุญาตจดแจ้งขึ้นทะเบียนยา หรือหนังสือรับรองจากกรมอนามัย ประเทศอินโดนีเซีย (Depkes. RI. SP. NO. 1873/13.01/02) โดย lot ปัจจุบัน คือ Best Before : Dec. 2017 (เลขที่ใบอนุญาต : POM TR. 133.370.581)

7. ได้รับตรารับรองฮาลาล (HALAL) จากสาภอุละมาอ์ ประจำกรมอนามัย อินโดฯ (HALAL LP POM MUI) สำหรับแคปซูลที่นำมาบรรจุน้ำมัน โดยได้รับใบรับรองเลขที่
(No. Sert. 00170012700600)

8. สินค้าแต่ละ LOT. การผลิตได้รับการตรวจสอบจากกรมอนามัย ตามกำหนดเวลา โดยสังเกตจากเลขที่ใบอนุญาตจะมีการเปลียนแปลงใหม่.

ทั้งนี้ ผู้บริโภคทุกท่านจึงมั่นใจได้ว่า KAMIL HABBATUSSAUDA
“ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย”

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

วิธีใช้และรับประทานน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮฺ


§  รับประทาน ครั้งละ 1 – 3 แคปซูล (ก่อนอาหาร..ช่วงท้องว่าง เพราะจะช่วยให้ยาดูดซึมเข้าไปได้ดี
§  รับประทานวันละ 3 เวลา (เช้า-กลางวัน-เย็น) มื้อเย็นถ้าไม่ได้รับประทานสามารถรับประทานก่อนนอนได้ค่ะ  และหากว่าลืมรับประทานมื้อไหน ก็สามารถทานตอนไหนก็ได้ที่ท้องว่างนะคะ
§  การรับประทานครั้งแรก ให้เริ่มรับประทานที่มื้อละ 2 แคปซูลไปก่อนค่ะ ถ้าร่างกายปรับตัวดีแล้ว สามารถเพิ่มเป็นมื้อละ 3 แคปซูลได้  หรือหากรู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้นมากแล้ว สดชื่นแล้วก็สามารถ  ปรับลดลงเหลือมื้อละ 1 แคปซูล หรือทานมื้อละ 2 แคปซูล วันละ 2 เวลา (เช้า-เย็น/ก่อนนอน)

Ø น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮฺ สามารถนำมาผสมอาหารรับประทาน โดยใส่ในเครื่องดื่มอุ่น ๆ เช่น ใส่ในนมสดอุ่น ๆ (ช่วยให้หลับสบาย รักษาโรคกรดไหลย้อน) ใส่ในกาแฟดำร้อน (ช่วยระงับอาการหอบหืดเฉียบพลัน) หรือใส่ในน้ำผลไม้ที่ไม่แช่เย็น สำหรับเด็ก ๆ ที่รับประทานยาแบบเม็ดไม่ได้ค่ะ

ü เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้รับประทาน เพื่อรักษาอาการอักเสบ หรือติดเชื้อ เช่น เป็นไข้หวัด หลอดลมอักเสบ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะแผนปัจจุบันที่ขายตามท้องตลาด  เพราะยาปฏิชีวนะ หากใช้ไม่ครบโดส ก็จะทำให้เชื้อดื้อยา และไม่เป็นผลดีแก่ร่างกาย
ü เป็นไข้หวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ รับประทานวันละ 3 เวลา (เช้า-กลางวัน-เย็น) มื้อละ 3 แคปซูล เมื่อหายดีแล้วสามารถหยุดทานน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮฺได้ โดยไม่ต้องรอครบ 7 วัน หรือ   จะทานต่อเนื่องไปอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อสร้างภูมิต้านทานโรค ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงก็ยิ่งดีค่ะ

นอกจากใช้รับประทานแล้ว น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮฺ ยังสามารถนำมาใช้ทาร่างกายภายนอกได้ด้วยค่ะ เช่น
  • ทาแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทาที่ขยับระงับอาการปวดศีรษะ คลายเครียด  หรือนำมาใส่แผลสด ที่ถูกมีดบาด หรือหกล้ม เนื่องจากในน้ำมันมีตัวยาที่ฆ่าเชื้อโรค และเชื้อไวรัสต่าง ๆ มากมาย ช่วยทำให้แผลหายเร็วกว่าปกติค่ะ


ใช้ในการเสริมความงาม โดยสามารถนำมาทาที่ผิวหน้า ช่วยให้หน้าใส ลบเลือนริ้วร้อย และจุดด่างดำ ฝ้า กระ

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ สามารถรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ (HIV) ได้

ณ วันนี้เราอาจจะพูดได้ว่า แทบไม่ต้องใช้วิธีการทางการแพทย์ในการ “รักษาโรค”  เนื่องจากมีกรณีศึกษาที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ “ผู้ป่วยเอดส์ HIV Nagative” ที่สามารถบำบัดรักษาด้วยการใช้สารสกัดจากฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ เมล็ดสีดำ (Black Seed) และได้ผลในการบรรเทาอาการอย่างต่อเนื่อง จึงแสดงให้เห็นทางเลือกที่ปลอดภัย ซึ่งผู้คนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยราคาที่ไม่แพง แทนที่การใช้ยาต้านไวรัส HIV ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งให้ผลข้างเคียงในความเป็นพิษสูงมาก



Nigella Sativa ที่เราเรียกว่าเป็น ฮับบาตุซเซาดะฮ์  หรือ Black Seed ได้มีการศึกษากันอย่างจริงจังและกว้างถึงคุณสมบัติและประโยชน์ของมันที่มีผลต่อสุขภาพ  และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ค้นพบสัญญาณหนึ่ง ซึ่งเชื่อได้ว่า ฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed) สามารถเป็นตัวแทนในการรักษาโรคที่อาจเกิดการติดเชื้อไวรัสร้ายแรง รวมทั้งไวรัสตับอักเสบซี [i] และปัจจุบันนี้ (ปี 2013 ปีที่เขียนบทความ) สามารถรักษาโรคเอดส์ (HIV)

จากกรณีศึกษาที่น่าทึ่ง ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนสิงหาคมของปีนี้ (ปี 2013) ในวารสาร African Journal of Traditional, Complementary, and Alternative Medicine  กล่าวว่า ผู้ป่วยเอดส์ (HIV) หลังจากได้รับการรักษาด้วยสารสกัดจากฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed)  มีผลลัพธ์สามารถฟื้นคืนสุขสภาพได้อย่างสมบูรณ์  โดยไม่มีการตรวจพบเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือสารแอนติบอดี้ ที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านเชื้อ HIV ในซีรั่มเลือดของพวกเขา ทั้งในระหว่างการรักษาและระยะยาวหลังการรักษาสิ้นสุดการรักษา [ii]

นี่เป็นข้อสังเกตที่น่าทึ่งและไม่อาจคาดคิดมาก่อน จากการอธิบายของนักวิจัยและทีมงาน ดังนี้ 
"Nigella sativa หรือ ฮับบาตุซเซาดะฮ์ ได้รับการรับรองว่า มีฟังก์ชั่นในการรักษาจำนวนมาก ที่ถือได้ว่าเป็นยารักษาโรค  ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็คาดได้ว่า มันสามารถสร้างปรากฏการณ์พลิกกลับที่ทำให้ ค่าการติดเชื้อ HIV เป็นศูนย์ (0) ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แม้จะมีการรักษากันอย่างกว้างขวาง ด้วยการใช้ยาต้านไวรัส (HAART)"

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการรักษาโดยทั่วไป ที่เป็นมาตรฐานของการดูแลรักษาโรคเอดส์ทั่วโลก รักษาด้วยยาต้านไวรัส ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมาก  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบต่อสุขภาพอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ของผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) นี่คือความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีการติดเชื้อ และได้รับการบำบัดรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม พบว่าการทำงานของเลือดยังไม่มีอาการอื่นใด  ผู้ป่วยยังคงมีสุขภาพดี  แต่การรักษาด้วยยาเป็นประจำ จะมีผลให้เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถที่จะกลายพันธุ์ และมีความต้านทานที่แข็งแกร่งต่อยา หรือเรียกว่า “การดื้อยา” มากขึ้นของเชื้อ HIV ที่อยู่ในร่างกาย  ขณะที่ในเวลาเดียวกัน “ยา” ที่ใช้ได้สร้างความเสียหายที่รุนแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยอย่างน่าเศร้า  ทำให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันลดลง และถึงแก่ความตายในที่สุด

"โรค" โดยตัวของมันเอง ก็เป็นปัญหาที่รู้จักกันดีว่า เราประสบกับความล้มเหลว เช่นเดียวกับการทำสงครามกับมะเร็ง ที่ 'เหยื่อ' (ผู้ป่วย) และ 'โรคมะเร็ง' ได้รับความล้มเหลวไม่หยุดหย่อน และแม้ว่าจะมีการส่งเสริมในเรื่องของการให้เคมีบำบัด การฉายรังสี และการผ่าตัด ก็ตาม

ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมในสมัยโบราณเราจึงใช้อาหารเป็นเสมือนการรักษาโรค ดังเช่นที่เราใช้ฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ เมล็ดสีดำ (Black Seed) ซึ่งการวิจัยแสดงให้เห็นว่า โดยทั่วไปการใช้ฮับบาตุซเซาดะฮ์ เป็นยาในการบำบัดรักษาโรค มีความปลอดภัย ราคาไม่แพง และสามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามารถรักษาโรคเอดส์ (HIV) ได้ ซึ่งถือว่าเป็นที่เรื่องที่น่าตื่นเต้นทีเดียว


ผู้ป่วยโรคเอดส์ (HIV) ฟื้นคืนเป็นปกติอย่าง 'ปาฏิหาริย์'
เริ่มแรกของการศึกษาทดลอง ผู้ป่วยมีอาการโดยทั่วไปที่พบได้ในผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยมีประวัติ เป็นไข้เรื้อรัง ท้องเสีย น้ำหนักลดในระดับปานกลาง และมีอาการคันแผล เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ในระหว่างการศึกษาทดลอง ผู้ป่วยได้รับยา ร่วมกับการรับประทานน้ำมันฮับบบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed Oil) 10 MLS วันละสองครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน

ผลการทดลองพบว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และเชื้อไวรัสลดลงในระดับที่เชื่อถือได้ (significant) มีนัยยะสำคัญทางสถิติ

"ไข้ท้องเสีย และอาการคันแผลหายไป เมื่อวันที่ 5, 7 และ 20 วันตามลำดับ ในการรักษาด้วย Nigella sativa หรือฮับบาตุซเซาดะฮ์  ค่า CD4 ลดลงถึง 160 เซลล์ / mm3 แม้จะมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปริมาณไวรัส (≤1000 copies / ml) ในวันที่ 30 ของการใช้  Nigella sativa"

โดยในวันที่ 187 ของการรักษาด้วยเมล็ดสีดำ Black Seed การทดสอบแสดงให้เห็นว่า เลือดก็เคลียร์ทั้งหมดในเรื่องของสัญญาณของการติดเชื้อ ซึ่งอยู่ในสถานะที่เรียกว่า 'Zero-Nagative

หลังจากติดตามการทดสอบแสดงให้เห็นว่า แม้หลังจากการรักษา เป็นเวลา 24 เดือน โดยไม่ต้องรักษาด้วยการใช้สมุนไพร น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ Black Seed Oil ของผู้ป่วยเอดส์ การทดสอบพบว่า ผู้ป่วยยังคงมีอาการปกติ โดยที่ไม่มีข้อบ่งชี้ของการติดเชื้อใด ๆ หรือมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น  ดังนั้น พวกเขาทีมงานวิจัยในครั้งนี้  

จึงสรุปว่า : "รายงานการศึกษาทดลองในกรณีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่า การใช้รักษา Nigella sativa ในการรักษานั้น สามารถใช้เป็นตัวแทนในการรักษาที่เป็นไปได้และมีประสิทธิภาพ ในการควบคุมการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ได้"
-----------------
เอกสารอ้างอิง :
[i] Eman Mahmoud Fathy Barakat, Lamia Mohamed El Wakeel, Radwa Samir Hagag. Effects of Nigella sativa on outcome of hepatitis C in Egypt.  World J Gastroenterol. 2013 Apr 28;19(16):2529-36. doi: 10.3748/wjg.v19.i16.2529.
[ii] Abdulfatah Adekunle Onifade, Andrew Paul Jewell, Waheed Adeola Adedeji. Nigella Sativa Concoction Induced Sustained Seroreversion in HIV Patient. Afr J Tradit Complement Altern Med. 2013 Aug 12;10(5):332-5.

Source : Thank you very much for this website

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ บำบัดรักษาโรคได้ทุกโรค จริงหรือ?

ท่านศาสดาแห่งอิสลาม มุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้มีวจนะไว้เป็นเวลากว่า 1,400 ปีมาแล้ว ท่านกล่าวว่า “ฮับบาตุซเซาดะฮ์ เป็นยาบำบัดทุกโรค เว้นแต่ความตาย”  วจนะของท่านเป็นสัตย์จริง  ถ้าหากท่านติดตามอ่านบทความต่าง ๆ ในเว็บบล็อกนี้ ท่านก็จะพบว่า ในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ black seed oil มีสารอาหารมากมาย กว่าหลายร้อยชนิด ที่ช่วยในการบำบัดรักษาโรค ทั้งโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย และโรคที่มาจากการติดเชื้อ  เพราะในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ (black seed oil) มีสารอาหารที่เป็นตัวยาต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง และฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิต

คงไม่มีผู้กล้าที่จะปฏิเสธคุณสมบัติอันน่ามหัศจรรย์ ในการบำบัดโรคของน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์   แต่เราจะได้รับประสิทธิภาพและประสิทธิผล จากการบริโภคน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ มากน้อยเพียงใดนั้น มีเงื่อนไขอยู่หลายประการ  เช่น
1.      ปริมาณในการบริโภค (doze ที่ได้รับนั้น เพียงพอแก่การบำบัดโรค หรือเยียวยาสุขภาพ ของผู้บริโภค หรือไม่  เนื่องจากอายุ เพศ วัย และพื้นฐานสุขภาพของแต่ละคนแตกต่างกัน และหมอที่รักษาหรือกำหนดขนาดยา (หมายถึง น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์) ในการบริโภคได้ดีที่สุด ก็คือ ตัวเราเอง หรือผู้บริโภค  
2.     ความแตกต่างของเมล็ดพันธุ์ ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ 
3.     ที่สำคัญที่สุด คือ ขั้นตอนในการสกัดน้ำมันมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด  เพราะว่า สารอาหารสำคัญนั้น จะอยู่ในตัวน้ำมันหอมระเหย ที่กลั่นออกมาก

ดังนั้น น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ black seed oil ที่ดีที่สุดนั้น จะต้องมาจากน้ำมันที่สกัดออกมาด้วยวิธีบีบเย็น หรือ cold pressed และน้ำมันที่มีคุณภาพมากที่สุด คือ Extra Vergin Oil ถือว่าเป็นน้ำมันคุณภาพได้มาตรฐานสูงเป็นพิเศษ ไม่มีการใช้กระบวนการเคมี หรือความร้อน มีปริมาณ free fatty acid ไม่เกิน 1% มีความบริสุทธิ์ ยังคงสี กลิ่น และรสตามธรรมชาติของพืชชนิดนั้น ๆ ไว้ดีที่สุด จึงมีราคาแพง

การสกัดน้ำมันแบบบีบเย็น (Cold pressed) คือ การแยกส่วนของน้ำมันออกมาจากส่วนต่าง ๆ ของพืชอย่าง เมล็ด หัว ใบ ดอก ผล และเปลือก โดยการบีบอัดที่อุณหภูมิปรกติ โดยพืชที่นำมาสกัดเย็นจะต้องไม่ผ่านความร้อนหรือสารเคมีมาก่อน หลังจากได้น้ำมันออกมาแล้วตั้งทิ้งไว้จนตกตะกอน จากนั้นจึงกรองเอาเฉพาะส่วนของน้ำมันที่บริสุทธิ์มาใช้ น้ำมันที่ได้จะใส สะอาด ไม่มีกลิ่นหืน และยังคงสภาพวิตามินต่าง ๆ ตามธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน

อุปกรณ์ในการสกัดน้ำมันมีหลายประเภท ตั้งแต่ขนาดเล็กที่ทำได้เองภายในครัวเรือน ขนาดใหญ่ที่ใช้สกัดในปริมาณมาก ๆ ในโรงงานขนาดเล็ก และขนาดที่ใช้ภายในโรงงานผลิตขนาดใหญ่  ซึ่งแต่ละขนาดนั้นมีกระบวนการหรือกรรมวิธีในสกัด และการควบคุมคุณภาพของน้ำมันที่แตกต่างกัน  ดังนั้น ประสิทธิภาพหรือสารอาหารที่ได้จากน้ำมันสกัดจึงแตกต่างกันนั่นเอง  และนี่คือ เหตุผลที่ว่า “ทำไมน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ เหมือนกัน จึงมีคุณภาพแตกต่างกัน?”


ลองมาชมอุปกรณ์ที่ใช้ในการสกัดน้ำมันจากคลิปวิดีโอ เหล่านี้เปรียบเทียบกันนะคะ

อุปกรณ์สกัดน้ำมัน แบบ Home made


อุปกรณ์การสกัดที่ควบคุมแบบ manaual ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น


การผลิตในโรงงานขนาดใหญ่ ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ
ขั้นตอน มาตรฐาน และความสะอาดในการผลิตได้มากยิ่งขึ้น

อุปกรณ์สกัดน้ำมัน Clod pressed machine มีหลากหลายชนิด  แตกต่างกันไปตามกระบวนการผลิต และขั้นตอนในการควบคุมคุณภาพของน้ำมัน และการรักษาระดับอุณหภูมิในขั้นตอนการผลิตก็เป็นสิ่งสำคัญ (อุณหภูมิในขณะที่เครื่องสกัดบีบอัดน้ำมัน จะต้องต่ำกว่า 120 องศาฟาเรนไฮต์) รวมทั้งการควบคุมในเรื่องความสะอาด และสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ หรือความชื้นของเมล็ดพันธุ์ ก่อนนำเข้าสู่ขบวนการสกัด  ตลอดจนควบคุมความสะอาด และสิ่งปนเปื้อนภายหลังจากได้รับผลผลิตออกมา จนกระทั้งบรรจุเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมนำส่งถึงมือผู้บริโภค

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ของ KAMIL ปรับราคาใหม่

น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ของ KAMIL HABBATUSSADA
เดิมทีตั้งแต่เปิดกิจการใหม่ ๆ เมื่อปีตั้งแต่ปี 2555 เราขายปลีกอยู่ที่กระปุกละ 1,200 บาท และราคาแนะนำสำหรับลูกค้า ที่รับประทานอย่างต่อเนื่อง คือ ขายเป็นชุด ๆ ละ 3 กระปุก ราคา 3,100 บาท (รวมค่าจัดส่ง EMS)



ปัจจุบันน้ำมันบาตุซเซาดะฮ์ หรือ Black Seed Oil ของ KAMIL ได้ปรับราคาลง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง และเพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อของดีมีคุณภาพในราคาที่ประหยัดลง  จึงขายปลีกในราคา กระปุกละ 800 บาท.. แต่ทว่าคุณภาพยังคงดีเยี่ยม เหมือนเดิมทุกประการนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

มาแล้วจ้ะ..สินค้าใหม่สด จาก KAMIL HABBATUSSAUDA

สินค้า LOT ใหม่มาแล้วนะคะ ใหม่สด!! จากโรงงาน
LOT นี้ ควรบริโภคก่อน ธันวาคม 2559

Best before : DEC 2016

KAMIL HABBATUSSAUDA (Black Seed Oil 100%)

วันนี้มาแนะนำให้รู้จักกับ น้ำมันฮับบาตุซเซาะดะฮ์ หรือ Black Seed Oil, Black Cumin Oil ของ KAMIL ในอีกมุมมองหนึ่ง ในเรื่องของการได้รับอนุญาตทางด้านอาหารและยา หรือที่เมืองไทยเรียกว่า อย. และการรับรอง ฮาลาล หรือ Halal นะคะ 

โดยสามารถดูฉลากที่ข้างกระปุกของ KAMIL HABBATUSSAUDA จะพบคำที่เขียนว่า
(1) No. Sert. Halal LP POM MUI : 
หมายถึง เลขที่ใบรับรองฮาลาล จาก Lembaga Pengawasan Pangan Obat dan Makanan Majelis Ulama Indonesia หรือ สถาบันอาหารและยา แห่งสภาอุละมาอฺอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสถาบันที่มีประสิทธิภาพในการวิจัย, ตรวจสอบ, การวิเคราะห์ และตัดสินใจว่า ผลิตภัณฑ์ อาหาร ยา และเครื่องสำอาง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี มีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค ทั้งในแง่ของสุขภาพ และความถูกต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม จึงถือว่าผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองแล้ว  ฮาลาลหรือได้รับอนุญาต และเป็นสิ่งที่ดี (ฏ็อยยิบ) ที่มุสลิมจะนำมาบริโภค 

และที่เขียนว่า : untuk kapsul kosong : 00140016360701
แปลว่า แคปซูลเปล่า เลขที่ 00140016360701 ที่นำมาใช้บรรจุ KAMIL HABBATUSSAUDA ได้รับใบรับรองจากสถาบันอาหารและยา แห่งสภาอุละมาอฺในประเทศอินโดนีเซีย หรือได้ใบรับรองแคปซูลเปล่าเลขที่ 00140016360701 นั่นเองค่ะ

(2) Dep.kes. RI SP No. 1873/13.01/02
คือ ใบรับรองตัวโรงงานผลิตยา จากกรมอนามัย ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเลขที่ตัวนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

(3) Lzin POM TR : 133370581
คือ เลขที่ใบอนุญาตจาก สำนักงานอาหารและยา หรือ อย.ของอินโดนีเซีย นั่นเองค่ะ สังเกตว่า เลขที่นี้จะเปลี่ยนไปตาม lot หรือ ฉลาก ซึ่งหมายความว่า พอเปลี่ยนฉลากทีหนึ่ง หรือบรรจุยาลงกระปุกใน lot ใหม่ ทางโรงงานผู้ผลิตจะต้องขอรับใบอนุญาต จากทางสำนักงานอาหารและยา (POM) ทุกครั้ง  

นั่นก็หมายความว่า น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ Black Seed Oil ของ KAMIL 
มีมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัย และผ่านการตรวจสอบและรับรอง จากทางราชการของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตทุกครั้ง ที่ผลิตยาแต่ละ lot
 

ดังนั้น คุณจึงมั่นใจได้ว่า KAMIL HABBATUSSAUDA เป็นสินค้าที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพ และปลอดภัย 100% 


วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แอบอ้างชื่อ น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ของ KAMIL HABBATUSSAUDA

ประกาศแอบอ้างชื่อผลิตภัณฑ์

มีคนแอบอ้างเอาชื่อ น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ของ KAMIL Habbatussauda ไปใช้ โดยโพสต์ขายในบอร์ดขายสินค้าตามเว็บต่าง ๆ ซ้ำยังลอกข้อมูลของเราไปทั้งหมด แบบที่ไม่มีการแก้ไขดัดแปลงข้อมูล เราคนทำคนเขียนเว็บเอง
"จำได้ทุกตัวอักษร" กว่าจะหาข้อมูลมาได้.. จะลอกไปใช้ก็ไม่ว่า.. เพราะให้เป็นวิทยาทาน. แต่นี่แอบอ้างชื่อผลิตภัณฑ์ของ KAMIL HABBATUSSAUDA  





เนื่องจากอาจจะเป็นไปได้ว่า น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ ของเราติด google ทั้งการเสริชหารูป และข้อมูลวิชาการ ก็เป็นได้.. ไม่น่าทำกันเลย  อยากขายก็ขายไป ในชื่อตัวเอง ข้อมูลจะเอาไปใช้ก็เอาไปปรับใช้ซะหน่อย อย่าให้มันน่าเกลียดนัก เหมือนมาก็อปปี้กันไปเช่นนี้
ของลอกเลียนแบบนี้ เค้าทำมาตั้งแต่ มิ.ย. 2013 ตอนนี้เว็บเค้าไม่มีแล้ว แต่มีข้อมูล และรูป ที่ทางเราสืบค้นเจอในโพสต์ของเว็บบอร์ดต่าง ๆ เข้าใจว่า..ผู้ขายรายนี้คงนำสินค้าเข้ามาได้เพียงครั้งเดียว เป็นสินค้าจากต่างประเทศ และไม่ได้นำมาขายอีก

หรือ หากว่ายังขายอยู่ ช่วยแก้ไข้ ให้ถูกต้องด้วยนะคะ จะใช้ชื่อะไรก็ได้ แต่อย่าลอกชื่อคนอื่น และข้อมูลของคนอื่นแบบนี้เลยค่ะ



ลองเข้าไปอ่านข้อมูลของเว็บเรา ตามลิงค์นี้นะคะ 
ลอกกันมาดื้อ ๆ เหมือนเปรี๊ยบเลย ค่ะ

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

HOT PROMOTION!!

โปรโมชั่นรับลมร้อน!! 
ตั้งแต่วันที่ 14 -31 มีนาคม 2559



ชุดคู่หู..คู่ใจ ซื้อ 2 กระปุก 1,500 บาท ค่ะ :)


(((ซื้อ 1 กระปุก ราคาเดิมจ้ะ 1,200 บาท)))

เดี๋ยวนี้ขาย 850 บาท

รุ่นใหม่!! ของแท้!! ที่แคปซูลต้องมีตัวหนังสือ KAMIL นะคะ

สินค้าจัดส่งฟรี!! ทกรายการ..ทาง EMS


สนใจสั่งซื้อติดต่อ : คุณจิ๋ม โทร. 081-4465461


วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

"ความดันโลหิตสูง" โรคที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยไม่รู้ตัว


วันนี้ KAMIL HABBATUSSAUDA ขอนำเรื่อง “โรคความดันโลหิตสูง” มานำเสนอทุกท่าน เนื่องจากมันคืออันตรายใกล้ตัวที่สุดที่เราทุกคนไม่ควรมองข้าม “มัจจุราชเงียบ” ที่มาเยี่ยมเยือนเราโดยไม่รู้ตัว และไม่บอกกล่าวอย่างไร้มารยาท  โดยในปี 2543 ประชากร 1 แสนคน พบผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 259.02 และพบเพิ่มเป็น 1,349.39 ในปี 2553  ซึ่งถือว่ามีอัตราสูงขึ้นกว่า 5 เท่า

จากผลการสำรวจสภาวะสุขภาพอนามัยของประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 (พ.ศ.2551-2552) พบว่า ผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง ร้อยละ 60 ในผู้ชาย และร้อยละ 40 ในผู้หญิง ไม่เคยได้รับการตรวจวินิจฉัยมาก่อน  พูดง่ายๆ คือ ไม่รู้ตัวว่าเป็นความดันโลหิตสูง

นพ.วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “มีหลายประเด็นที่พี่น้องคนไทยไม่รู้ ไม่ใส่ใจ รู้ทั้งรู้ หรือยังเข้าใจผิดอยู่  เมื่อลงพื้นที่หลายจังหวัดก็จะพบประเด็นต่าง ๆ เช่น 
คิดว่าโรคนี้จะต้องมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น หรือเหนื่อยง่าย เมื่อไม่มีอาการก็นึกว่าไม่เป็นโรคนี้ ความจริงส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 จะไม่พบโรคหรือภาวะผิดปกติ”

สิ่งที่เป็นต้นเหตุของความดันโลหิตสูง ซึ่งเรียกว่า “ความดันโลหิตสูงชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ” (Essential Hypertension หรือ Primary Hypertension) มักจะมาจากพันธุกรรม คือ ถ้าพ่อแม่พี่น้องเป็น ตัวเองมีโอกาสเป็นสูงกว่าคนอื่น 3 เท่า  นอกจากนี้ ในคนสูงอายุ อ้วน กินเค็ม ดื่มเหล้า ก็เป็นปัจจัยสำคัญ พบในอายุเริ่มที่ 25 ปี ต่อมาเริ่มมีอาการป่วยที่อายุ 40 ปี ผู้ป่วยจะปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจความดัน เนื่องจากไม่มีอาการ จนในที่สุดกลายเป็นโรคหัวใจ โรคอัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองแตก ถึงจะมาโรงพยาบาล ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ส่วนน้อยต่ำกว่าร้อยละ 10 อาจตรวจพบโรคเป็นต้นเหตุ พบในคนอายุน้อยกว่า 30 ปี เริ่มมีโรคความดันสูง ที่เรียกว่า “Secondary Hypertension” เช่น หญิงตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ คอพอกเป็นพิษ โรคไตอักเสบ

**เราจะทราบว่าป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือไม่??  มีวิธีการเดียวเท่านั้น คือการตรวจวัดความดันโลหิต เป็นระยะ ๆ  บางรายนึกว่าคนผอมไม่เป็นความดันโลหิตสูง ความจริงแล้วโรคนี้พบได้ทั้งคนอ้วนและคนผอม ยิ่งพ่อแม่เป็นแนวโน้มลูกจะได้มรดกมา มากถึง 3 เท่า

นพ.วิชัยฯ ได้กล่าวว่า เมื่อคราวลงพื้นที่ อ.เมืองสิงห์บุรี มีชายไทยอายุ 50 ปี เป็นความดันโลหิตสูงถึง 200/100 มิลลิเมตรปรอท (เป็นโรคระดับ 3 สีแดง) รักษามากนานมาก ให้ยาทุกชนิดก็ไม่ลง พยาบาลจึงลงไป "สอบสวนโรค พบว่า ลูกชายอายุ 18 ปี ติดยาเสพติด ทำให้พ่อเครียดกินยาอย่างไรก็ไม่ลง จึงต้องรักษา "ลูก" ที่ติดยาก่อน ความดันโลหิตสูงของพ่อก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ไม่ต้องกินยาลดความดัน (( นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า “ความเครียด” เป็นสาเหตุหนึ่งของความดันสูง ซึ่งใช้ยาตัวไหนก็รักษาไม่หาย ))

ผู้ป่วยอีกรายหนึ่ง เป็นชายไทยอายุ 60 ปี เป็นความดันโลหิตสูงระดับสีแดง 180/100 กินยาต่อเนื่องมาเรื่อย วันหนึ่งไปตรวจวัดความดันที่โรงพยาบาลพบว่า ความดันอยู่ในระดับปกติ หลังเวลาผ่านไป 10 วัน ผู้ป่วยเกิดอาการเจ็บ จุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หัวใจหยุดเต้น ต้องปั๊มหัวใจและแก้ไขได้ทันรอดตาย  เมื่อทำการสอบสวนโรคจึงพบว่า หลังตรวจวัดว่า “ปกติ” ผู้ป่วยเลยคิดว่า "ตัวเองหาย"  จึงไม่ได้กินยา ขาดยาไป 10 วัน กอปรกับช่วงเวลาดังกล่าวมีภาวะเครียด ความดันขึ้น ทำให้มีอาการจุกหน้าอก หัวใจขาดเลือดกะทันหัน และความดันที่วัดขณะนั้นสูงถึง 210/110 มิลลิเมตรปรอท

วิเคราะห์จากสถานการณ์ข้างต้น นพ.วิชัยฯ จึงต้องการจะบอกให้ทุกท่านได้ทราบข้อเท็จจริงว่า "โรคความดันโลหิตสูง เป็นแล้วเป็นเลย รักษาไม่หายขาด จะเป็นเรื้อรังตลอดชีวิต”

(ที่มา : เว็บไซด์ของ สสส. ซึ่งสรุปบทความของ นพ.วิชัย เทียนถาวร จาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ)

ท่อน้ำเก่า (เส้นโลหิต)ใช้งานมานาน มันก็ต้องกรอบแข็ง มีคราบสนิมจับเกรอะกรังไปหมด ทำให้ปั้มน้ำ (ห้วใจ) ต้องทำงานหนักขึ้น ร่างกายก็เลยมีเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ไม่เพียงพอ จึงเป็นสาเหตุของโรคเรื้อต่าง ๆ อีกหลายโรคตามมา เช่น หัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือด ไตขาดเลือด ตาบอด ปลายมือปลายเท้าขาดเลือด ทำให้เกิดอาการชา เป็นต้น แล้วเราจะดูแลรักษาสุขภาพร่างกายอย่างไร เพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ ที่มีจากความเสื่อมของระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย การป้องกันไว้ก่อน น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
โรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่ตามมาจากการป่วยด้วย "โรคความดันโลหิตสูง"

ดังนั้น ท่านผู้อ่านที่ติดตามบล็อกของ KAMIL HABBATUSSAUDA มาโดยตลอด น่าจะทราบเป็นอย่างดีว่า "น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์" สามารถบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งโรคที่มาจากความเสื่อม และโรคที่มาจากการติดเชื้อ อีกทั้งเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง มีระดับฮอร์โมนที่สมดุล  และมันคือสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้ในแพทย์ทางเลือก ตามแนวทางป้องกัน และเป็นการบำบัดรักษาโดยวิถีทางธรรมชาติ ที่ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ  ซึ่งในทางกลับกันยาทางเภสัชกรรม สามารถรักษาโรคได้ หรือระงับอาการที่ปลายเหตุ แต่มันก็ให้ผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่เป็นผลเสียต่อร่างกายติดตามมา เมื่อมีการใช้ในระยะยาว

หมายเหตุ : ลิงค์งานวิจัยเกี่ยวกับ ฮับบาตุซเซาดะฮ์สามารถรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งมีผลต่อการลดความดันโลหิต นั่นเอง

น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ : การรักษามะเร็งเต้านมในเพศชาย


ผู้ชายก็มีสิทธินะคะ สามารถป่วยเป็น “มะเร็งเต้านม” ได้เหมือนกัน !!?

ระบาดวิทยา หรือโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมในเพศชาย มีดังนี้
  1. กลุ่มผู้ชายสูงอายุ ที่มีอายุประมาณ 60-70 ปีขึ้นไป  และพบว่า 20% มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมในครอบครัว (อัตราการเกิดพบว่า ในเพศหญิงมีมากกว่าเพศชาย 100 เท่า)
  2. กลุ่มที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน (ของเพศหญิง) สูงกว่าฮอร์โมนเพศชาย หรือกลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ (Klinefelter's syndrome) เป็นภาวะความผิดปกติทาง DNA ซึ่งโดยปกติแล้วมนุษย์เพศหญิงจะมีโครโมโซมเพศเป็น XX และเพศชายมีโครโมโซมเพศเป็น XY  แต่ผู้ป่วยกลุ่มอาการนี้จะมีโครโมโซม X ตั้งแต่ 2 อันขึ้นไป และมีโครโมโซม Y อย่างน้อย 1 อัน บางครั้งเรียกผู้ป่วยกลุ่มนี้ว่า "เพศชาย XXY"  กลุ่มอาการนี้พบได้ 1 ใน 1,000 ของเพศชาย กลุ่มอาการนี้ตั้งชื่อตาม Dr. Harry Klinefelter ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยร่วมกับ Fuller Albright ในปี ค.ศ. 1942 ใน Massachusetts General Hospital ในเมืองบอสตัน

  • รูปร่างสูงกว่าค่าเฉลี่ย
  • มีการเจริญเติบโตของเต้านม
  • ไหล่แคบ
  • สะโพกผาย
  • อัณฑะเล็กกว่าปกติ
  • หนวดเคราเจริญบกพร่อง
  • ขนอวัยวะเพศเป็นลักษณะของเพศหญิง
  • เป็นหมัน
  • สมาธิสั้น
  • แขนและขายาว
  • ปัญญาอ่อนเล็กน้อย

     3. กลุ่มที่มีภาวะตับแข็ง หรือเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง  เนื่องจากตับเสื่อมสภาพลงไม่สามารถทำลายฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ตามปกติ
     4. สาเหตุอื่นๆ ที่อาจตรวจได้พบ ได้แก่ มีประวัติฉายแสงบริเวณหน้าอก ภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน


  • คลำเจอก้อนที่เต้านม หรือเต้านมบวม ส่วนใหญ่ไม่มีอาการเจ็บ (KAMIL ขอให้ทัศนะเพิ่มเติมนิดหนึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัว เกี่ยวกับคนที่พบก้อนเนื้อ โดยทั่วไปก้อนเนื้อที่เป็นเนื้อร้าย หรือมะเร็งนั้น มักจะเป็นก้อนแข็ง ๆ และติดอยู่กับที่ และคลำดูไม่เจ็บ.. ขอย้ำ คือ คลำดูไม่เจ็บ มีโอกาสเสี่ยงสูง อย่าได้ชะล่าใจ ให้รีบไปตรวจโดยเร็วนะคะ)
  • มีของเหลวออกจากหัวนม ที่พบบ่อยคือเป็นน้ำปนเลือด หัวนมบอดบุ๋มเข้าข้างใน เต้านมหรือหัวนมแดง หรือมีแผลเรื้อรังบริเวณหัวนม อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่ามะเร็งเต้านมในผู้ชายมักพบในชายสูงอายุที่อาจจะไม่ได้สนใจสังเกตความผิดปกติของเต้านมตนเอง ส่งผลให้การวินิจฉัยโรคล่าช้าและผลการรักษาผ่าตัดไม่ดีจากมะเร็งที่เป็นมากและสภาพร่างกายผู้สูงอายุที่มีหลายโรคคอยรุมเร้าอยู่
เพราะฉะนั้นคุณผู้ชายทุกวัยก็ต้องคอยสังเกตความผิดปกติของเต้านม ตรวจเต้านมตนเองด้วยเช่นกัน หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ระวังอย่าให้อ้วนน้ำหนักเกิน และลดละเลิกดื่มสุรา  แต่สำคัญคือ กลุ่มที่ชอบหาฮอร์โมนเพศหญิงมากินมาฉีดให้หน้าอกใหญ่เหมือนผู้หญิง  กลุ่มนี้จึงต้องยอมรับความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้ชายปกติอย่างแน่นอน

**การป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าเป็นมาแก้ไขภายหลังนะคะ  “น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด ช่วยดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยทอง  ผู้ที่ไม่เจ็บป่วยก็สามารถรับประทานได้ จะช่วยเสริมภูมิต้านโรค และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

ที่สำคัญที่สุดคือ สารสกัด Thymoquinone ที่อยู่ในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ฆ่าเซลล์มะเร็ง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก

KAMIL HABBATUSSAUDA เป็นน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ (บริสุทธิ์) หรือ Black Seed Oil 100% สกัดด้วยวิธี cold pressed จึงรักษาคุณค่าของสารอาหารสำคัญที่มีอยู่ในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ได้มากที่สุด ผลิตภัณฑ์ของเราเข้มข้น ไม่มีส่วนผสมของน้ำอื่นใด ที่จะทำให้ประสิทธิภาพในการบำบัดรักษาของน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ลดลงไปจากประสิทธิที่แท้จริงของมัน จึงให้ผลลัพท์ในการบำบัดรักษาที่ชัดเจน อีกทั้งมีผลงานวิจัยยืนยันถึงการใช้น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ รักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้มนมในเพศหญิง ที่มีอาการดื้อยาต่อการให้เคมีบำบัด ท่านสามารถศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ องค์ประกอบของสารอาหาร สรรพคุณในการบำบัดรักษา และผลงานวิจัยต่าง ๆ 

หากสนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ “น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์” ของ KAMIL ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ คุณฮัฟเซาะฮ์ (จิ๋ม) โทร 081-4465461 นะคะ