แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สารสกัดที่เข้มข้นของ Thymoquinone จากฮับบาตุซเซา ดะฮ์ ฆ่าเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเม็ดเลือดขาว


ผลงานวิจัยเรื่อง : ส่วนประกอบที่เข้มข้นของ Thymoquinone ที่ได้จากฮับบาตุซเซาดะฮฺ และ Thymoquinone ฆ่าสายพันธ์ของเซลล์ (cell lines) มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเม็ดเลือดขาว

[Thymoquinone rich fraction from Nigella sativa and thymoquinone are cytotoxic towards colon and leukemic carcinoma cell lines]

โดย : Ismail Norsharina1,2, Ismail Maznah1,2*, Al-Absi Aied1 and                 Al-Naqeeb Ghanya1,2
สถาบัน : University Putra Malaysia, Selangor Darul Ehsan, Malaysia.
1.Nutrigenomics and Nutricosmeceuticals Programme, Laboratory of Molecular   Biomedicine, Institute of Bioscience
2. Faculty of Medicine and Health Sciences
Source : Journal of Medicinal Plants Research Vol. 5(15), pp. 33593366,     
4 August, 2011

--------------------------
นิยามคำศัพท์ :

TQRF : Thymoquinone rich fraction ส่วนประกอบที่เข้มข้นของ thymoquinone ;
TQ : thymoquinone;
HT29 : colon cancer มะเร็งลำไส้ใหญ่ ;
HL60 : promyelocytic leukemia มะเร็งเม็ดเลือดขาว ;
CEMSS : lymphoblastic leukemia มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง (มักเกิดในไขกระดูก)

What is cell lines?
Cell line คือ สายพันธุ์ของเซลล์ เป็นผลิตผลของเซลล์ที่เกิดขึ้นและไม่มีวันตาย (เป็นอมตะ) ได้ถูกนำมาใช้สำหรับการวิจัยทางชีววิทยา เซลล์ที่ถูกใช้เป็น cell line จะเป็นอมตะ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับเซลล์เป็นมะเร็ง เซลล์สามารถขยายไปเรื่อย ๆ ซึ่งแตกต่างจากเซลล์ปกติที่สามารถแบ่งตัวได้ประมาณ 50 ครั้ง เซลล์เหล่านี้จะมีประโยชน์ในการนำมาใช้สำหรับการทดลองในห้องปฏิบัติการ เพื่อการวิจัยต่าง ๆ

บทคัดย่อ :
ฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Nigella sativa) ได้ถูกนำมาใช้เป็นเวลานานหลายศตวรรษ ทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เพื่อส่งเสริมสุขภาพและต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ  
ดังนั้น ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ จึงได้นำประสิทธิผลในการต่อต้านมะเร็ง (anti-cancer) ของส่วนประกอบที่เข้มข้นจาก thymoquinone(TQRF) ที่ได้จากเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ ในรูปแบบของเหลวสกัด และ thymoquinone (TQ) มาทำการศึกษากับสายพันธุ์ของเซลล์ (cell lines) มะเร็งลำไส้ใหญ่ (HT29), โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (CEMSS) และมะเร็งเม็ดเลือดขาว (HL60) โดยใช้ความเข้มข้นของสารสกัดที่ 50%  เพื่อจะยับยั้งความมีชีวิตของเซลล์ (IC 50 ) ในมะเร็งลำไส้ใหญ่ (HT29) และมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทั้ง 2 ชนิด(CEMSS และ HL60) โดยรักษาด้วยการให้TQRF จำนวน 400, 350 และ 250 mg / ml ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน ก็ได้ให้ TQ ในขนาด 8, 5 และ 3 mg / ml ตามลำดับ  ผลจากการวิเคราะห์วงจรของเซลล์ (การมีชีวิตของเซลล์) พบว่า มีการขบวนการตายของเซลล์มะเร็ง (apoptosis) เพิ่มขึ้นในขณะที่มีการควบคุม  อย่างไรก็ตามทั้ง TQRF และ TQ ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งวงจรของเซลล์ (การขยายตัวของเซลล์ : cell cycle) ได้ทั้งหมด แต่การตายลงของเซลล์ (apoptosis) มะเร็งลำไส้ใหญ่ (HT29), มะเร็งเม็ดเลือดขาว (CEMSS) และมะเร็งเม็ดเลือดขาว (HL60) ก็เกิดจากการเหนี่ยวนำของทั้ง TQRF และ TQ  โดยสรุป การค้นพบของเราสนับสนุนให้มีการใช้ศักยภาพของสารสกัดที่เข้มข้นของ thymoquinone (TQRF) และ Thymoquinone ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเม็ดเลือดขาว

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Thymoquinone สารสกัดจากฮับบาตุซเซาดะฮฺ ฆ่าเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่

งานวิจัยเรื่อง : Thymoquinone สารสกัดจากฮับบาตุซเซาดะฮฺ (Black Seed) ทำให้เกิดขบวนการตายลงของเซลล์ ในเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ของมนุษย์
[Thymoquinone extracted from black seed triggers apoptotic cell death in human colorectal cancer cells via a p53-dependent mechanism.]

โดย Gali-Muhtasib H, Diab-Assaf M, Boltze C, Al-Hmaira J, Hartig R, Roessner A, Schneider-Stock R.
ที่มา :  Department of Biology, American University of Beirut, Beirut, Lebanon.
          วารสาร Int J Oncol, 25 Oct 2004; 25 (4) : 857-66

****************

บทคัดย่อ :

นับเป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ที่ฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Nigella sativa) พืชสมุนไพรที่มีเมล็ดสีดำและน้ำมันของมัน ได้ถูกนำมาใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลาง และแอฟริกา เพื่อการส่งเสริมสุขภาพและต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ สารสกัด Thymoquinone (TQ) เป็น
องค์ประกอบของสารอาหารที่สมบูรณ์ที่สุดในเมล็ดสีดำ (Black Seed) และเป็นตัวแทนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีแนวโน้มในการนำมาบริโภค เพื่อป้องกันการพัฒนาของมะเร็ง (chemopreventive)

จากการตรวจสอบผลกระทบของการใช้
thymoquinone (TQ) กับ HCT-116 เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ เพื่อที่จะระบุกลไกที่มีศักยภาพในระดับโมเลกุลของการกระทำดังกล่าว เราพบว่า TQ มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

ลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีความสัมพันธ์วงจรชีวิตของเซลล์ในเฟส G1 (ด่านแรก) นอกจากนี้การย้อมสีและการวิเคราะห์ ทางชีวเคมีของเซลล์พบว่า TQ เป็นตัวการที่ทำให้เกิดขบวนการตายของเซลล์ (apoptosis) ในปริมาณ (dose) และเวลาที่มีการควบคุม

การเหนี่ยวนำให้เกิดการตายของเซลล์ (apoptosis) โดย TQ มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นและลดลง 2.5-4.5 เท่าของ mRNA ใน p53 (โปรตีน 53 เป็นปราการด่านแรกที่จะตอบสนองต่อผลกระทบหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเซลล์) และ p21WAF1  พร้อมกันนี้เราก็พบการเพิ่มขึ้นของ p53 และ p21WAF1 ในระดับโปรตีน แต่มีนัยสำคัญในการยับยั้งต่อการต่อต้านขบวนการตายของเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือดขาว (anti-apoptotic Bcl-2 protein)

การร่วมฟักตัวของ pifithrin-alpha (PFT-alpha), การยับยั้ง p53, การกลับคืนของเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือดขาว (Bcl-2), ระดับของ p53 และ p21WAF1 ที่ได้รับการบำบัดและปราบปรามโดย TQ ทำให้เกิดวงจรการตายลงของเซลล์ ถึงแม้ว่าเซลล์โปรตีนp53-null HCT-116 มีผลกระทบน้อยต่อการทำงานของ TQ ในขบวนการที่ทำให้เกิดการตายของเซลล์
แต่ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่า Thymoquinone (TQ) มีฤทธิ์ในการยับยั้งการพัฒนาการของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยเพิ่มขบวนการตายลง (Pro-apoptotic) ของเซลล์มะเร็ง (HCT116)  โดยประสิทธิผลของ TQ ในการเหนี่ยวนำให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือดขาว (Bcl-2) และโปรตีน (p53)  ข้อมูลของเราจึงสนับสนุนศักยภาพในการนำ Thymoquinone (TQ) ไปใช้เป็นตัวแทนในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่

------------------------
Source : http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15375533

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผลงานวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed Oil)

น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed Oil) ได้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งนี้ เพราะประสิทธิภาพและความสามารถที่หลากหลายในการบำบัดรักษาโรค ในปี 2001 มีเอกสารอ้างอิงทางวิชาการ เกี่ยวกับผลประโยชน์ของการใช้ฮับบาตุซเซาดะฮ์มากถึง 530 รายงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมากมาย  จนกระทั่งมีบางประเทศในแถบตะวันตกได้เข้ามาทำการศึกษา และผลิตยาที่มีส่วนผสมของฮับบาตุซเซาดะฮ์ แล้วนำไปจดเป็นสิทธิบัตรยา รวม 6 สิทธิบัตร ได้แก่ (1) โรคเบาหวาน  (2)  การยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง  (3) การปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน  (4)  การติดเชื้อไวรัส  (5)  โรคสะเก็ดเงิน  (6)  รักษาโรคหอบหืด /ภูมิแพ้



การวิจัยล่าสุดได้รับการตรวจสอบอย่างแน่นอนแล้วว่า ฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Black Seed) มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการเจ็บป่วย โดยผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรโบราณ และมีความปลอดภัยในการนำมาภายในครัวเรือนด้วยตนเอง เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ :-

1. เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบภูมิคุ้มกัน (Immune system strengthening)

ในปี 1959 ได้มีการค้นพบสาร Nigellone ในเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์เป็นครั้งแรกการทดลองทางคลินิกพบว่า มันมีประสิทธิภาพมากมายในการเพิ่มภูมิต้านทานโรคให้แก่มนุษย์ และช่วยส่งเสริมสุขภาพ
ในปี 1986  Drs (หมายถึงผู้ที่กำลังจะเป็น Dr) El-Kadi และ Kandil ได้ดำเนินการศึกษากับมนุษย์ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยอาสาสมัคร 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก - ได้รับแคปซูลของ Black Seed (ครั้งละ1 กรัม/วัน วันละ 2 ครั้ง) เป็นเวลา 4 สัปดาห์
กลุ่มที่สอง - ได้รับยาหลอก
หลังจากที่การทดสอบเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าส่วนใหญ่ของอาสาสมัครที่ได้รับ Black Seed มีการเพิ่มขึ้น 72% ของ T-cells (เซลล์เม็ดเลือดขาว) กลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับยาหลอก มีอุบัติการณ์ในการลดลงสุทธิในอัตรา 7%  พวกเขารายงานว่า "การค้นพบเหล่านี้อาจจะมีนัยสำคัญในทางปฏิบัติ ในการค้นพบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ที่มีอยู่ใน Black Seed ซึ่งมันสามารถมีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคมะเร็ง, โรคเอดส์, และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง"

ในปี 1993 ผลการศึกษาข้างต้นได้รับการยืนยันในวารสาร  “Saudi Pharmaceutical Journal”  โดย Dr.Basil Ali  และเพื่อนร่วมงานของเขา จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ King Faisal University.


2. การรักษาโรคเอดส์ (AIDS)

ในปี 1997 Dr. Haq, The Department of Biological and Medical Research Center in Riyadh, Saudi Arabia ได้ดำเนินวิจัยจากอาสาสมัครคน (human volunteers) พบว่า Black Seed เพิ่มอัตราส่วนระหว่าง Helper T-cells และ suppresser T-cells โดยใน 55% มีอัตราเฉลี่ยในการเพิ่มปฏิบัติการของเซลล์นักฆ่าตามธรรมชาติ (naturall killer cell) 30% จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสรุปได้ว่า น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะถูกใช้ในการรักษาโรคเอดส์

3. โรคเบาหวาน (Diabetes)
ในปี 1991 มหาวิทยาลัยคูเวต ได้ทำการศึกษากลไกการทำงาน Black Seed แล้วได้ข้อสรุปว่า สารสกัดจาก Black Seed มีประโยชน์ต่อการรักษาโรคเบาหวาน ที่ไม่มีการผลิตอินซูลิน (non-insulin)-เบาหวานชนิดที่ 1
ในปี 2002 มหาวิทยาลัยนาโกย่า, ญี่ปุ่น, การศึกษาสรุปได้ว่า Black Seed อาจจะมีค่านัยสำคัญต่อการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2
ในปี 2003 สามคณาจารย์ในเมือง Van ประเทศตุรกี ได้ร่วมกันและยืนยันว่า Black Seed สามารถทำให้ระดับน้ำตาลลดลง และถูกนำตัวไปใช้ในการควบคุมโรคเบาหวานในกระต่าย
ในปี 2004 คณะแพทยศาสตร์, Zonguldak Karaelmas University, Zonguldak, ประเทศตุรกี ได้ทดสอบผลของการใช้ Black Seed ในหนูที่เป็นเบาหวาน พวกเขาสรุปว่า Black Seed สามารถป้องกันผลกระทบที่เกิดจากโรคเบาหวานได้

4. การป้องกันมะเร็ง (Anti-tumor principles)
ในปี 1991 The Amala Research Center in Amala Nagar, Kerala ประเทศอินเดีย ได้ศึกษาถึงความสามารถของ Black Seed ในการป้องกันมะเร็ง โดยทำการศึกษากับหนู (Swiss albino mice) จากผลการศึกษาพบว่า มันสามารถยับยั้งการพัฒนาของเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า Ehrlich ascites carcinoma (EAC) และเซลล์มะเร็งชนิดที่สอง Dalton's lymphoma ascites (DLA) ได้ด้วย  โดยหนูที่เคยได้รับเซลล์มะเร็ง EAC และ Black Seed ยังคงเป็นปกติ โดยไม่มีการก่อเซลล์มะเร็งแต่อย่างใด  
จึงประเมินผลได้ว่า หลักการนี้ใช้งานได้ 100% และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการพัฒนาเนื้องอก EAC ส่วนผลของการทดลองในหนูที่ได้รับเซลล์มะเร็ง DLA และ Black Seed แสดงให้เห็นว่า มันสามารถยับยั้งการพัฒนาของเนื้องอกได้เพียง 50% เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้รับการทดลอง สรุปได้ว่า "สารสกัดที่ได้จากเมล็ดฮับบาตุซ เซาดะฮ์ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง”
ในปี 1997 ได้มีการศึกษาวิจัยเรื่อง “ประสิทธิภาพของสารสกัดจากฮับบาตุซเซาดะฮ์ ในการบำบัดโรคมะเร็ง” โดย Medenica R, Janssens J, Tarasenko A, Lazovic G, Corbitt W, Powell D, Jocic D, Mujovic ที่ International Immuno-Biology Research Laboratory, South Carolina, USA โดยศึกษาเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม, มะเร็งต่อมลูกหมาก, และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเนื้องอก และสรุปได้ว่า สารสกัดจากฮับบาตุซเซาดะฮ์ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเนื้องอกในเซลล์มะเร็ง และมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการนำไปใช้ทางคลินิก 

5. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Cancer of the Colon)
ในปี 2004 Dr. Hala Gali-Muhtasib และคณะวิจัย จากภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งเบรุต (AUB) ประเทศเลบานอน ได้ทำการวิจัยเกี่ยว ความสามารถของ Thymoquinone  (สารสกัดจาก Black Seed Oil) ในการฆ่าเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ พบว่า Thymoquinone สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษาสรุปว่า มันมีศักยภาพเพียงพอที่จะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

6. มะเร็งเต้านม (Breast Cancer)
ในปี 2003  Jackson State University, USA, แพทย์ได้ให้ความสนใจต่อกรณีที่ Black Seed ได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคเฉียบพลันเป็นจำนวนมากมาช้านาน พวกเขาจึงได้ทำการศึกษาถึงประสิทธิผลในการป้องกันโรคมะเร็ง โดยศึกษาการใช้ Black Seed ในเซลล์มะเร็งเต้านม แล้วพบว่าเซลล์มะเร็งเต้านมหยุดทำงาน จึงสรุปว่า Black Seed   มีผลในด้านการป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง

7. แอนตี้ฮิสตามิน (Anti-histamine activity)
ฮิสตามีน เป็นสารที่ถูกปล่อยออกมาจากเนื้อเยื่อของร่างกาย เพื่อสร้างปฏิกิริยาภูมิแพ้ และก่อให้เกิดอาการหอบหืด (bronchial asthma)
ในปี 1960 นักวิทยาศาสตร์ Badr-El-Din และ Mahfouz  พบว่า dithymoquinone dimer  ที่แยกได้จากน้ำมันหอมระเหยใน Black Seed ภายใต้ชื่อ "Nigellone"  ซึ่งใช้ให้ทางปากกับผู้ป่วยบางรายที่ทุกข์ทรมานจากโรคหอบหืด เพื่อระงับอาการของผู้ป่วยส่วนใหญ่นั้น  ได้ถูกนำมาใช้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อรักษาอาการหอบหืดของหลอดลมอย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี 1993 Nirmal Chakravarty, MD พบกลไกการทำงานของ Nigellone ในการยับยั้ง
โปรตีนไคเนสซี (protein kinase C) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการหลั่งของฮิสตามีน นอกจากนี้ การศึกษาของเขาพบว่า Nigellone เป็นตัวช่วยลดลงการดูดซึมของแคลเซียมในเซลล์ เพื่อยับยั้งการปล่อยฮิสตามีน   
8. การต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย (Anti-bacterial)
ในปี 1989 ได้มีรายงานเกี่ยวกับ คุณสมบัติในการต้านเชื้อราของน้ำมันหอมระเหยที่ได้จาก Black Seed ในวารสารเภสัชกรรมของปากีสถาน (Pakistan Journal of Pharmacy) 
ในปี 1992 นักวิจัยที่ภาควิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย Dhaka ในประเทศบังคลาเทศ ได้ศึกษาถึงกระบวนการต้านเชื้อแบคทีเรียของน้ำมันหอมระเหยที่ได้จาก Black Seed  โดยถูกนำมาเปรียบเทียบกับ ยาปฏิชีวนะทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ ampicillin, tetracycline, cotrimoxazole, gentamicin และ nalidixic acid

แล้วพบว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า  อีกทั้งสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้หลายสายพันธุ์ ในจำพวกที่รู้จักกันว่าดื้อยา ได้แก่  เชื้อ V.cholera ที่ทำให้เกิดอหิวาตกโรค, E.coli (เชื้อทั่วไปที่พบในเนื้อสัตว์ดิบ), และสายพันธุ์ทั้งหมดของ Shigella spp (ยกเว้น Shigella dysentriae)  แต่สิ่งที่น่าสนใจจากงานวิจัยดังกล่าว คือ ระบบการแพทย์ที่ใช้กันมาเป็นระยะเวลายาวนาน ได้นำสารละลาย (tincture) ที่อยู่ใน Black Seed มารักษาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและลำไส้, ช่วยลดอาการท้องเสีย, อาเจียน, ท้องขึ้น, และจุกเสียดแน่น
9. การต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory)
ช่วงต้นปี 1960 ศาสตราจารย์ El-Dakhakny รายงานว่า น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และใช้สำหรับการบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ
ในปี 1995 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ที่ห้องปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์ ภาควิชาเภสัชกรรม, Kings College, London,  ได้ทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมันคงที่ fixed oil) ของฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Nigella sativa) และอนุพันธ์ของมัน คือThymoquinine ซึ่งเป็นตัวแทนในการต้านการอักเสบ การศึกษาพบว่า น้ำมันสามารถยับยั้งการอักเสบ และสามารถในการต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ได้สูงกว่าการใช้ Thymoquinone เพียงอย่างเดียว  พวกเขาสันนิษฐานว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีอยู่ในเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ อาจมีส่วนช่วยในการส่งเสริมประสิทธิภาพของน้ำมัน (fixed oil)
ในปี 1997 หน่วยจุลชีววิทยาของศูนย์วิจัย วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ King Saud University ประเทศซาอุดิฯ ได้ศึกษาถึงการใช้ฮับบาตุซเซาดะฮฺ ในการใช้ภายนอก (รูปแบบครีม) พบว่า ประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบของมันอยู่ในระดับเดียวกับที่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ใช้กันในเชิงพาณิชย์ การทดสอบชี้ให้เห็นว่า น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ไม่เกิดให้เกิดอาการแพ้ (non-allergenic)
10. การก่อตัวของลิ่มเลือด (Thrombosis)
ในปี 2001 Meiji Pharmaceutical University, Tokyo, Japan ได้ทำการศึกษาทางโลหิตวิทยาใน Black Seed Oil พบว่า มันมีศักยภาพมากกว่าแอสไพริน ซึ่งที่รู้จักกันดีว่าเป็นยาสำหรับละลายลิ่มเลือด
11. ส่งเสริมการให้นมบุตร (Promotes lactation)
ในปี 1979 การศึกษาโดย Agarwhal พบว่า น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ช่วยเพิ่มผลผลิตของน้ำนมมารดา และบทความที่ค้นคว้าโดย University of Potchefstroom (1989) รวมทั้งบทคัดย่อทางชีวภาพ สรุปว่า ประสิทธิภาพของฮับบาตุซเซาดะฮ์ในการเพิ่มการไหลของน้ำนมมารดานั้น เป็นส่วนประกอบเดียวกับโครงสร้างของไขมันและฮอร์โมนที่พบในฮับบาตุซเซาดะฮ์
12. การขับพยาธิตัวตืด พยาธิตัวกลม ในเด็ก [Cestodes (worms) in children]
ในปี 1991  University of Agriculture, Faisalabad, ประเทศปากีสถาน  ได้ศึกษาการใช้ Black Seed ในการฆ่าพยาธิตัวตืดในเด็กที่ได้รับการติดเชื้อตามธรรมชาติ พวกเขาสรุปว่า มันมีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อ worms ได้
ในปี 2007  Abdulelah และ Zainal-Abidin ได้ตรวจสอบผลของการต่อต้านเชื้อมาลาเรียกับความแตกต่างในการใช้สารสกัดจาก Black Seed ในการต่อต้านโปรโตซัว (P. berghei) ผลการศึกษาพบว่า มันมีประสิทธิภาพที่รุนแรงในการทำลายเชื้อปรสิต  นอกจากนี้ การให้ Black Seed เพื่อทำลายพยาธิตัวตืดนั้น เทียบเท่าการใช้ยาฆ่าพยาธิ (piperazineน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ของมันมีฤทธิ์ต่อต้านพยาธิตัวตืด (Monezia) ในแกะ เทียบได้กับยาฆ่าพยาธิ (niclosamide)
หมดห่วงเรื่องพยาธิในเด็กเล็ก

Black Seed Oil ปราบได้เรียบทั้งตัวตืด ตัวกลม โดยไม่มีอันตราย

ลิงค์แนะนำ :-