วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

มะเร็งตับ..ภัยร้ายที่ไม่ควรประมาท


“มะเร็งตับ”  เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 2 ในเพศหญิง และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งตับนี้ถ้ารู้ตัวก็มักจะเสียชีวิตใน 3 -6 เดือน

1. ไวรัสตับอักเสบบีและซี จากข้อมูลทางสถิติพบว่า 80% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีและซีมาก่อน โดยมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติถึง 223 เท่า 
2. ตับแข็ง ประมาณ 90% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจะมีอากรตับแข็งร่วมด้วย 
3. ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ทำให้มีอาการตับแข็ง
4. ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือมีโรคอ้วน
4. สารอะฟลาท๊อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งพบปนเปื้อนอยู่ในถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง กระเทียม เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ เป็นสารก่อมะเร็ง  จึงเป็นสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ จากการศึกษาพบว่า อะฟลาท๊อกซิน มีความสัมพันธ์กับไวรัสตับอักเสบบี โดยเชื่อว่าเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเป็นตัวทำให้เกิดมะเร็งตับ  และอะฟลาท๊อกซินเป็นตัวเสริม  ดังนั้น ผู้ที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี จึงควรที่จะหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วลิสง โดยเฉพาะถั่วลิสงป่นที่เก็บค้างไว้นาน ๆ ข้าวโพด พริกแห้ง กระเทียม เต้าเจี้ยว และเต้าหู้ยี้

เราจะทราบได้อย่างไรว่า..กำลังเป็นมะเร็งตับ ?
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ มีอัตราการอยู่รอดต่ำ ก็คือ มะเร็งตับในระยะแรก ซึ่งจะสามารถรักษาให้หายขาดได้นั้น มักไม่แสดงอาการที่ชัดเจนออกมา โดยผู้ป่วยจะมีอาการคลุมเครือ เช่น เสียดท้องด้านขวา มีอาการจุกแน่นในบางครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่แทบไม่มีอาการอะไรเลย ทั้งนี้ ก็เพราะตับเป็นอวัยวะที่มีกำลังสำรองมาก คนเราสามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการทำงานของตับประมาณ 30%  ดังนั้น เมื่อโรคปรากฏอาการชัดเจน มะเร็งก็อยู่ในระยะลุกลาม หรือมีขนาดใหญ่และไม่สามารถจะรักษาได้แล้ว

อาการของผู้ป่วยมะเร็งตับ
 รู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร จุกเสียด แน่นท้อง น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว และอาการที่เด่นชัด ก็คือ ปวดชายโครงด้านขวา โดยอาจร้าวไปที่ไหล่ด้านขวาหรือลำตัวซีกขวา และอาจคลำพบก้อนที่ชายโครง

มะเร็งตับสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด แต่มีข้อแม้หลายประการคือ ต้องเป็นก้อนเดียว
และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ลึกมาก หรือเฉพาะในกลีบซ้ายของตับ
 แต่โดยทั่วไปผู้ป่วยมะเร็งตับในบ้านเรา มักมาพบแพทย์เมื่ออยู่ในระยะที่ไม่สามารถที่จะผ่าตัดให้หายขาดได้  รวมไปถึงบางรายที่แม้ผ่าไปแล้ว ต่อมาพบมะเร็งเกิดขึ้นซ้ำอีก เนื่องมาจากมะเร็งได้กระจายไปในระดับเซลล์แล้วตั้งแต่ก่อนผ่าตัด แต่ยังไม่ถึงกับเป็นก้อนให้ตรวจพบได้ ก่อนหน้านี้เมื่อผู้ป่วยอยู่ในระยะที่ผ่าตัดไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีวิธีรักษาอื่นอีก แพทย์มักแนะนำให้ญาติกลับไปดูแลผู้ป่วยเองที่บ้าน หรือให้เพียงการรักษาประคับประคองกับผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากมะเร็งตับ
ในปัจจุบัน มีการรักษาอีกทางหนึ่งซึ่งจะช่วยยืดอายุผู้ป่วยมะเร็งตับให้ยืนยาวต่อไปได้อีก ทางการแพทย์เรียกว่า Transarterial Oily-chemoembolization ( TOCE ) เป็นการรักษาโดยรังสีแพทย์ หลักการคือการนำยาเข้าไปรักษาที่ตัวก้อนเนื้องอกในตับโดยตรง  การรักษาวิธีนี้จะทำให้เนื้องอกได้รับยาอย่างเต็มที่ ยาสามารถออกฤทธิ์อยู่ได้นาน ทำให้เนื้องอกฝ่อเป็นบางส่วน เนื้องอกยุบตัว และขนาดเล็กลง อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่เมื่อเทียบกับการที่ไม่ได้รับการรักษาใดเลย ผู้ป่วยอาจมีอายุเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเดือน หรืออาจจะเลยปี  และช่วยให้ผู้ป่วยจะเจ็บปวดและทรมานจากโรคน้อยลง สามารถมีชีวิตอยู่อย่างสบายขึ้น


ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจากโรคร้ายนี้ จึงควรหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และหากป่วยเป็นมะเร็งตับแล้ว..จะทำอย่างไรดีเล่า!! 

KAMIL HABBATUSSUADA มีลูกค้าคนหนึ่งอยู่ที่เชียงใหม่ เธอสั่งซื้อน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ black seed oil ของ KAMIL เมื่อวันที่ 16 ก.ย.นี้เอง เพื่อรักษามารดาของเธอ ซึ่งอายุ 70 กว่าปีแล้ว ป่วยเป็นมะเร็งตับ ระยะที่ 4 เธอไม่ได้ให้มารดาของเธอรับการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือเยียวยาตามการแพทย์แผนปัจจุบันมากนัก เนื่องจามารดาของเธออายุมาแล้ว คงทนรับผลกระทบจากการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่ไหว  เธอจึงได้แสวงหาสมุนไพร หรือวิธีการรักษาทางธรรมชาติ จากข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต แล้วก็ได้มาพบเว็บบล็อกของ KAMIL HABBATUSSAUDA

โอ้..พระเจ้า มันคือทางรอดอันน้อยนิดที่ยังมีเหลืออยู่ เธอโทรมาดิฉันด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและสั่นเครือ  ซึ่งดิฉันก็บอกว่า "มิอาจรับปากได้นะ ว่าคุณยายจะรอดหรือไม่? เพราะไม่สามารถทราบได้ว่า อายุขัยของคุณยายจะจบลงเมือ่ไร? แต่ถ้าตัดสินใจรับประทานก็มีแต่ผลดีเกิดขึ้น ไม่มีผลเสียหาย"  ดังนั้น เธอจึงได้ตัดสินใจสั่งซื้อเพื่อทดลองทานดูก่อน 1 กระปุก และได้ให้คุณแม่ของเธอรับประทาน พร้อมทั้งตัวเองก็ลองทาน เพื่อรักษาอาการเบาหวานของเธอด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้ภายในช่วงเวลาแค่ 10 วัน เธอบอกว่า คุณยาย (หมายถึง คุณแม่ของเธอ) มีอาการดีขึ้นมาก อาการตัวเหลืองน้อยลงกว่าเดิม และตัวเธอเองที่เป็นเบาหวาน ก็ได้ตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือด พบระดับน้ำตาลในเลือดลดลง..
(( ขอขอบพระคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ที่ได้โปรดประทานพืชสมุนไพรนี้ มาให้เป็นยาบำบัดรักษาโรคทั้งหลาย ที่เกิดแก่มวลมนุษยชาติ ))



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรุณากรอกชื่อ หรือนามแฝง หรืออีเมลล์ด้วยค่ะ