วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

KAMIL HABBATUSSAUDA รักษาอาการไมเกรน..ได้


 โรคไมเกรน..ไม่ใช่โรคน่ากลัว
“ไมเกรน” ไม่น่าจะจัดว่าเป็นโรค ถือเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงในสมองบีบตัว และคลายตัวมากกว่าปกติ  ซึ่งในคนปกติหลอดเลือดแดงจำนวนมากมายในสมอง ก็จะมีการบีบตัวและคลายตัวอยู่เป็นประจำ แต่ไม่มากจึงไม่รู้สึกปวดศีรษะ
อาการของไมเกรน
  1. ปวดศีรษะครึ่งซีก อาจเป็นบริเวณขมับหรือท้ายทอย แต่บางครั้งก็อาจเป็นสองข้างพร้อมกัน หรือเป็นสลับข้างกันก็ได้
  2. ลักษณะการปวดศีรษะส่วนมากจะปวดตุ๊บๆ นานครั้งหนึ่งๆ เกิน 20 นาที (ยกเว้นจะได้รับประทานยา) แต่บางครั้งถ้าเป็นรุนแรงอาจปวดนานเป็นวันๆ หรือสัปดาห์ก็ได้  ผู้ป่วยบางรายอาจมีปวดตื้อๆ ในสมอง
  3. อาการปวดศีรษะมักเป็นรุนแรง และส่วนมากจะมีคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วยเสมอ โดยอาจเป็นขณะปวดศีรษะ ก่อนหรือหลังปวดศีรษะก็ได้ บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากจนรับประทานอะไรไม่ได้ (โดยส่วนตัวแล้ว เคยเห็นคุณแม่เป็นอยู่ค่ะ เวลาท่านเป็นทีคลื่นไส้ อาเจียน ทานอะไรไม่ได้ ต้องนอนพักนิ่ง ๆ เฉย ๆ นานมากอาจจะเป็นวัน จนกว่าอาการจะคลายตัว)
  4. อาการนำจะเป็นอาการทางสายตา โดยจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะราว 10-20 นาที เช่น เห็นแสงเป็นเส้นๆ ระยิบระยับแสงจ้าสะท้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยวนำหน้า    มาก่อน


อุบัติการณ์ของโรค พบบ่อยในผู้หญิงวัยสาวระหว่าง 20-40 ปี ในเด็ก และผู้สูงอายุพบน้อย ผู้ชายพบว่าเป็นไมเกรนน้อยกว่าผู้หญิง 3-4 เท่าตัว แต่ถ้าผู้ชายเป็น มักมีอาการรุนแรงกว่า โดยมีอาการปวดตาข้างใดข้างหนึ่ง น้ำตาไหล ตาแดง ปวดรุนแรงมากติดต่อกันเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ และอาจเป็นซ้ำ บ่อยๆ ทุก 6-12 เดือน โรคไมเกรน พบบ่อยกับสมาชิกอื่นๆ ในครอบครัวที่เป็นผู้หญิง เช่น แม่ น้องสาว น้า ป้า เป็นต้น

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
  1. ภาวะเครียด
  2. การอดนอน
  3. การขาดการพักผ่อน หรือทำงานมากเกินไป  (ด้วยส่วนตัวของตนเอง ก็มีอาการปวดศีรษะเช่นอาการไมเกรน ในข้อ 1 และ 2 เหมือนกัน เวลาเครียด ทำงานมาก หรือพักผ่อนไม่พอ แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นอาเจียน  แต่ก็มีอาการปวดศีรษะ อยู่เป็นช่วง ๆ อยู่หลายวัน เหมือนกันเวลาเป็นขึ้นมา กว่ามันจะคลายตัวและหายไปเอง หรือจากการหยุดพักงานต่าง ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ)
  4. ขณะมีระดู หรือรับประทานยาคุมกำเนิด (อันนี้ ผู้หญิงสาวหลายคน ก็คงจะเป็นเหมือนกัน มันปวดศีรษะตุ๊บ ๆ อยู่วันสองวัน พอมีระดู จึงถึงบางอ้อ อ๋อ ที่แท้เรากำลังจะมีเมนส์นี่เอง ถึงปวดหัว เพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้วจร้า)
  5. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์
  6. อาหารบางชนิด เช่น กล้วยหอม เนยแข็ง และช็อกโกแลต

ถึงแม้ไมเกรนจะไม่ใช่โรคน่ากลัว แต่มันก็เป็นอาการที่รบกวนต่อวิถีในการดำเนินชีวิตของเรา  ดังนั้น ผู้ป่วยโรคไมเกรน จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงภาวะต่างๆ เหล่านี้ โดยสังเกตตนเองว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นการเกิดโรคไมเกรนในตนเอง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงและแก้ไขได้ตรงจุด

โรคไมเกรน ก่อให้เกิดภาวะปวดศีรษะเรื้อรังนานเป็นปี ๆ บางรายอาจนานเป็นสิบ ๆ ปี จึงมักทำให้ผู้ป่วยเกิดความกังวลว่า ทำไมตนเองจึงไม่ยอมหายจากภาวะปวดศีรษะนั้น และวิตกว่าจะมีความผิดปกติในสมองต่างๆ เช่น เนื้องอกหรือเลือดคั่งในสมอง หรือเกรงว่าจะเกิดอัมพาต หรือพิการตามมาภายหลัง ในกรณีนี้ จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะจากภาวะเครียดเพิ่มขึ้นมาทับถมอีก

การปวดศีรษะจากภาวะเครียดนั้น จะมีอาการปวดแบบตื้อๆ หนักศีรษะทั่วทั้งศีรษะ บางรายจะบอกว่าปวดเหมือนมีอะไรมาบีบรัดโดยรอบหัว อาการนี้จะเป็นมากตอนบ่ายๆ หรือสายๆ ช่วงเช้าไม่ค่อยปวด หลังนอนพักอาการจะดีขึ้น  ทั้งนี้ เพราะเกิดจากการบีบเกร็งตัวของกล้ามเนื้อรอบศีรษะและบริเวณคอ
โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคไมเกรน จะไม่มีอันตรายใดๆ ที่จะก่อให้เกิดการพิการหรือทุพพลภาพตามมาแต่อย่างใด อาการปวดศีรษะชนิดไมเกรนนี้จะลดความรุนแรงลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเลยวัยหมดระดูไปแล้ว จะพบผู้ป่วยไมเกรนน้อยมาก

การปวดศีรษะจากโรคไมเกรนนี้ มักรักษาไม่หายด้วยยาแก้ปวดพาราเซตามอล ยาที่ผู้ป่วยใช้ได้ผลดี คือ ยาแก้ปวดแอสไพริน ขนาด 2 เม็ด ในขณะปวด แต่ข้อระวังห้ามรับประทานแอสไพรินในขณะท้องว่าง และผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหารห้ามรับประทานแอสไพรินเด็ดขาด อาจเกิดเลือดออกในกระเพาะได้ นอกจากนี้ ยาแอสไพริน คือ ยาที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแพ้ได้ง่าย

การใช้น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ black seed oil ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ดีที่สุดในการรักษาอาการไมเกรน ถึงแม้จะไม่มีผลงานวิจัยต่าง ๆ ออกมายืนยันโดยตรงก็ตาม  แต่จากประวัติการใช้ในทางประวัติศาสตร์นับเป็นพันปี ก็ได้มีการใช้น้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ในการรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน  ทั้งนี้ เนื่องจากในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ มีสรรพคุณในการช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และช่วยให้การหลับดีขึ้น  ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า “ทำไมน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์” จึงรักษาอาการไมเกรน  โดยใช้ทั้งในรูปแบบของการรับประทาน และการทาภายนอก ซึ่งผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากน้ำมันหอมระเหยของมัน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดของอารมณ์ และกล้ามเนื้อ...นะจ๊ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรุณากรอกชื่อ หรือนามแฝง หรืออีเมลล์ด้วยค่ะ