โดย : Bamosa AO, Kaatabi H, Lebdaa FM, Elq AM, Al-Sultanb
A.
ที่มา : Department of Physiology, College of Medicine,
King Faisal University,
Dammam, Saudi
Arabia. ประเทศซาอุดิอาระเบีย
------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทสรุป (Abstract)
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อย
และมีผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลก
การรักษามาตรฐานในการรักษาต้องประสบกับความล้มเหลว
ในการที่จะบรรลุเป้าหมายในการควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดของผู้ป่วยจำนวนมาก ดังนั้น
จึงมีความจำเป็นในการตรวจสอบศักยภาพของยาหรือสมุนไพร เพื่อที่จะปรับปรุงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในของผู้ป่วยเบาหวาน ฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Nigella sativa) ถูกนำมาใช้เป็นยาเสริม
เพื่อช่วยในการรักษาผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2 เพิ่มขึ้นจากการให้ยาป้องกันโรคเบาหวานของพวกเขา
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้ป่วยรวม 94 ที่ได้รับการคัดเลือด ถูกสุ่มแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ด้วยการให้แคปซูลที่บรรจุ Nigella sativa ในการรับประทาน รวม 3 ขนาด คือ ในปริมาณ 1, 2 และ 3 กรัม/วัน เป็นเวลาสามเดือน ผลจากการใช้ Nigella sativa ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ได้ผ่านการประเมินโดยตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยขณะอดอาหาร (FBG), ระดับน้ำตาลในเลือด 2 ชั่วโมงภายหลังรับประทานอาหาร (2 hPG), hemoglobin glycosylated (HbA1c), เซรั่ม C-peptide, และการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว ผลปรากฏว่า ภาวะดื้อต่ออินซูลินและเบต้าเซลล์ฟังก์ชั่น ที่ถูกคำนวณด้วยการประเมินในรูปแบบการ homeostatic (HOMA2) ในผู้ป่วยที่ใช้ Nigella sativa ในขนาด 2 กรัม/วัน มีค่า FBG, 2hPG, และ HbA1 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปราศจากเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว และระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารได้ลดลงโดยเฉลี่ย 45, 62 และ 56 mg / dl ภายในระยะเวลา 4, 8 และ12 สัปดาห์ตามลำดับ ค่า (HbA1c) ลดลง 1.52% เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 12 สัปดาห์ของการรักษา (p <0.0001) ภาวะดื้อต่ออินซูลินคำนวณโดย HOMA2 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (P <0.01) ในขณะที่ฟังก์ชั่น B-cell เพิ่มขึ้น (P <0.02) ที่ 12 สัปดาห์ของการรักษา
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้ป่วยรวม 94 ที่ได้รับการคัดเลือด ถูกสุ่มแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ด้วยการให้แคปซูลที่บรรจุ Nigella sativa ในการรับประทาน รวม 3 ขนาด คือ ในปริมาณ 1, 2 และ 3 กรัม/วัน เป็นเวลาสามเดือน ผลจากการใช้ Nigella sativa ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ได้ผ่านการประเมินโดยตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยขณะอดอาหาร (FBG), ระดับน้ำตาลในเลือด 2 ชั่วโมงภายหลังรับประทานอาหาร (2 hPG), hemoglobin glycosylated (HbA1c), เซรั่ม C-peptide, และการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว ผลปรากฏว่า ภาวะดื้อต่ออินซูลินและเบต้าเซลล์ฟังก์ชั่น ที่ถูกคำนวณด้วยการประเมินในรูปแบบการ homeostatic (HOMA2) ในผู้ป่วยที่ใช้ Nigella sativa ในขนาด 2 กรัม/วัน มีค่า FBG, 2hPG, และ HbA1 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปราศจากเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว และระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารได้ลดลงโดยเฉลี่ย 45, 62 และ 56 mg / dl ภายในระยะเวลา 4, 8 และ12 สัปดาห์ตามลำดับ ค่า (HbA1c) ลดลง 1.52% เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 12 สัปดาห์ของการรักษา (p <0.0001) ภาวะดื้อต่ออินซูลินคำนวณโดย HOMA2 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (P <0.01) ในขณะที่ฟังก์ชั่น B-cell เพิ่มขึ้น (P <0.02) ที่ 12 สัปดาห์ของการรักษา
การใช้ Nigella sativaในปริมาณ 1 กรัม/วัน พบว่ามีค่าทุกพารามิเตอร์ที่วัดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่มันไม่ได้มีนัยสำคัญทางสถิติจาก baseline แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามี่การตอบสนองที่เพิ่มขึ้นในขนาด 3 กรัม/วัน การใช้ Nigella sativa ทั้ง 3 ขนาดในการศึกษาครั้งนี้ ไม่ได้มีผลกระทบต่อระบบการทำงานของไตหรือตับทำงานของผู้ป่วยเบาหวานตลอดระยะเวลาการศึกษาแต่อย่างใด
บทสรุป: ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า
ปริมาณของการใช้ฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Nigella sativa) ในขนาด 2 กรัม/วัน อาจจะเป็นประโยชน์ในการช่วยลดน้ำตาลในเลือดของตัวแทนผู้ป่วยเบาหวาน
ชนิดที่ 2 ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
กรุณากรอกชื่อ หรือนามแฝง หรืออีเมลล์ด้วยค่ะ