มหาวิทยาลัย Thomas Jefferson ซึ่งทำการศึกษาต่อกรณีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ได้รับการวินิจฉัยว่า พวกเขาจะต้องเป็นมะเร็งตับอ่อน (pancreatic cancer) ในอนาคต
เมื่อปีที่แล้วนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Thomas Jefferson ในเมือง Philadelphia, USA ได้ระบุว่า สารสกัดที่เรียกว่า Thymoquinone ในน้ำมันฮับบาตุซเซาดะฮ์ หรือ Black Cumin Oil (Nigella
sativa Seed) สามารถฆ่า 80% ของเซลล์มะเร็งในตับอ่อนได้ โดยการช่วยเหลือเซลล์ของตัวเอง ในกระบวนปกป้องการทำลายตนเองของเซลล์ ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไปแล้วในเซลล์ปกติทุกเซลล์
จะมีขบวนการทำลายตนเอง เมื่อมันพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา อย่างไรก็ตาม
เซลล์มะเร็งส่วนใหญ่จะปิดกั้นตัวเองจากขบวนการนี้
ทั้งยิ่งเพิ่มเซลล์มะเร็งให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
ผลงานวิจัยพบว่า "Thymoquinone" สามารถรักษาผลกระทบที่เกิดการจากการทำงานที่บกพร่องของยีน
ในเซลล์มะเร็ง ซึ่งมีแนวโน้มที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยรับอาหารที่อยู่รอบ ๆ เซลล์
แล้วไม่ยอมตายลงเหมือนเช่นเซลล์ปกติ
มะเร็งตับอ่อนเป็นโรคร้ายที่ท้าทายอย่างยิ่งในการรักษา เพราะว่ามันจะได้รับการวินิจฉัยก็ต่อเมื่อคนไข้มีอาการถึงระยะสุดท้ายของโรคแล้ว น้อยกว่า 5%
ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อน
จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี
แหละนี่คือผลลัพธ์ที่เศร้าสลดต่อการสู้รบจากการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อน โรคมะเร็งตับอ่อน คือสาเหตุการตายอับดับที่สี่ของผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งในสหรัฐอเมริกา
ฮับบะตุซเซาดะฮ์ (Nigella sativa) คือเมล็ดสีดำเล็ก ๆ ที่พบในภาคตะวันออกของทวีปยุโรป, ในตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง
มันถูกใช้มานานหลายศตวรรษ เพื่อปรุงอาหารและเป็นยาสมุนไพรในประเทศแถบตะวันออกกลาง
"Thymoquinone" เป็นสารสกัดที่ได้มาจากน้ำมันของเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์
ซึ่งมีฤทธิ์หยุดยั้งการเจริญเติบโตของของเชื้อโรคและแบคทีเรีย
(ได้แก่ Staphylococcus aureus, e.coli,
Pseudomonas aeruginosa), ยีสต์ (Candida albicans), และเชื้อรา เช่น Aspergillus niger
ชื่ออื่น ๆ ของฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Nigella
sativa) ได้แก่ ดอกยี่หร่า (fennel flower), ดอกลูกจันทน์เทศ,
ผักชีโรมัน, เมล็ดสีดำ (black seed), ยี่หร่าดำ (black caraway) หรือ black onion
seed ซึ่งการค้นพบสารสกัดในเมล็ดนี้เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก
เนื่องจาก ประการแรก
เราจะเห็นว่าเซลล์มะเร็งมีความสามารถในการรักษา DNA ของตัวเองไว้จากทุกสถานการณ์ที่จะต้องถูกทำลายลง
ดั่งเช่นเชลล์ปกติถูกทำลายลง ประการที่สอง
มะเร็งตับอ่อนเป็นมะเร็งที่รักษายาก และค่อนข้างเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษา ประการที่สาม
จำนวนของเซลล์มะเร็งมีผลต่อปรากฏการณ์ที่จะช่วยให้ร่างกายมีโอกาสฟื้นตัวจากการเป็นมะเร็ง
ธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ มันมีหลาย ๆ
วิธีการและความหวังที่อาจจะอยู่รอบ ๆ ด้านใดด้านหนึ่งของผู้ป่วย แต่นี่เป็นวิธีการที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
และผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อต่าง ๆ
เกิดขึ้น
เกิดขึ้น
Posted
by : Dr.
Suzann Wang on March 13, 2009
From
: GreenHealthSpot.comแปลโดย : KAMIL HABBATUSSAUDA
Dr. Hwyda Arafat (เจ้าของงานวิจัยเรื่องมะเร็งตับอ่อน)
เธอกล่าวว่า : ฮับบาตุซเซาดะฮ์ (Nigella sativa) นอกจากช่วยรักษาโรคมะเร็งตับอ่อนแล้ว
ยังช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้หลากหลาย รวมทั้งความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
และการอักเสบ การศึกษาก่อนหน้านี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงการต้านมะเร็ง ในโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
และมะเร็งของลำไส้ใหญ่ เช่นเดียวกับผลในการต้านอนุมูลอิสระ thymoquinone ที่อยู่ในเมล็ดฮับบาตุซเซาดะฮ์ สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย ได้ถึงประมาณร้อยละ 80
ของเซลล์มะเร็ง…
"สิ่งเหล่านี้เป็นผลดีที่น่าตื่นเต้นเหมือนนิยาย ที่สำคัญสมุนไพรและน้ำมันมีความปลอดภัยเมื่อใช้ในระดับปานกลางและมีการใช้เป็นพัน ๆ ปี โดยไม่พบรายงานความเป็นพิษ."
"สิ่งเหล่านี้เป็นผลดีที่น่าตื่นเต้นเหมือนนิยาย ที่สำคัญสมุนไพรและน้ำมันมีความปลอดภัยเมื่อใช้ในระดับปานกลางและมีการใช้เป็นพัน ๆ ปี โดยไม่พบรายงานความเป็นพิษ."
วันนี้นำข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งตับอ่อนมาฝากค่ะ ส่วนใหญ่แล้ว สาเหตุมาจากอาหารการกินของเรานั่นเอง ลองเข้าไปอ่านความเห็นของ นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง ตามลิงค์นี้นะคะ http://www.oknation.net/blog/health2you/2009/06/28/entry-4
ตอบลบ