1.
ในอียิปต์โบราณ (1341-1323 BC) พระนางคลีโอพัตรา และพระราชินี Nefertiti ได้ใช้น้ำมันเมล็ดสีดำ
เพื่อสุขภาพและความงาม และงานวิจัยรายงานว่า
ได้พบขวดของน้ำมันในหลุมฝังพระศพของฟาโรห์ Tutankhamen โดยพวกเขาคาดหวังว่า
ฟาโรห์จะได้ใช้ประโยชน์ในด้านสุขภาพในชีวิตหลังความตาย
2.
คัมภีร์ไบเบิ้ล (740-690 BC) ได้กล่าวถึงวิธีการหว่านเมล็ดพันธุ์ฮับบาตุซเซาดะฮ์และการนวดมัน
เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนผสมของขนมปัง ซึ่งไม่ต่างไปจากการกล่าวถึงข้าวสาลี
ข้าวบารเลย์ และไรย์ (บันทึกไว้ในหนังสือของอิสยาห์ / Isaiah 28:25-27)
3.
ยุคกรีกโบราณ :
§ Hippocrates (460-370 BC) แพทย์กรีกโบราณ
ซึ่งได้รับการยอมรับว่า เป็นบิดาของแพทย์แผนปัจจุบัน ระบุว่าเมล็ดสีดำ
เป็นยารักษาโรคตับและโรคทางเดินอาหาร
§ Dioscorides (30-90 AD) แพทย์ที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 1
ได้ใช้เมล็ดสีดำในการรักษาโรคที่หลากหลาย เช่น พยาธิในลำไส้, ปวดฟัน, ปวดหัว, โรคทางเดินหายใจ,
ความผิดปกติของรอบเดือน (amenorrhea หรือไม่มีประจำเดือนเมื่อถึงวัยอันควร)
4.
ในเปอร์เซีย Ibn Sina
(980-1037 AD) ซึ่งเป็นนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
ได้เขียนไว้ในหนังสือ “The Cannon of Medicine” (หนังสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การแพทย์โบราณ) โดยกล่าวถึง ฮับบะตุซเซาดะฮ์ ว่า "มันเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นพลังงานของร่างกาย และช่วยกู้คืนความเมื่อยล้าและความอ่อนเปลี้ยทางจิตใจ ให้กลับคืนมาได้"
ได้เขียนไว้ในหนังสือ “The Cannon of Medicine” (หนังสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การแพทย์โบราณ) โดยกล่าวถึง ฮับบะตุซเซาดะฮ์ ว่า "มันเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นพลังงานของร่างกาย และช่วยกู้คืนความเมื่อยล้าและความอ่อนเปลี้ยทางจิตใจ ให้กลับคืนมาได้"
ภายในวัฒนธรรมอิสลาม
ชาวอาหรับได้ใช้ฮับบาตุซเซาดะฮ์ เพื่อรักษาโรคต่าง ๆ ได้แก่ ไข้, หอบหืด, ปวดหัวเรื้อรัง,
โรคเบาหวาน, ระบบย่อยอาหาร, ปวดหลัง, การติดเชื้อ และโรคไขข้ออักเสบ ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
กรุณากรอกชื่อ หรือนามแฝง หรืออีเมลล์ด้วยค่ะ